ตอนที่ 225 : อัครราชทูตที่ปรึกษาแห่งจักรพรรดิใต้พิภพ
584 Views
ไม่คิดเลยว่าตำหนักหยกสวรรค์ที่ ณ ปัจจุบันจะกลายมาเป็น นิกายหยกสวรรค์ นี่จะเป็นท่านบรรพบุรุษซวน เทียน (ความลับสวรรค์) ขั้นกษัตริย์เป็นผู้ที่ก่อตั้งขึ้นมา หากจะท้าวความกันในคราแรกนั้น ตำหนักหยกสวรรค์ก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่หลังจากนั้นก็คล้ายกับว่า ท่านบรรพบุรุษซวน เทียนได้จากที่แห่งนั้นไป และหลังจากนั้นก็เกรงว่า จะมีความขัดแย้งอะไรบางอย่างเกิดขึ้น จนท้ายที่สุด บรรดาพวกผู้ชายก็ถูกขับไล่ออกไปจากสำนักอย่างสมบูรณ์
ยี่ เทียนหยุนนั้นเดาว่า บรรพบุรุษซวน เทียนได้ผลักไสบรรพบุรุษตำหนักหยกสวรค์ ดังนั้นแล้ว นี่จึงทำให้บรรพบุรุษของตำหนักหยกสวรรค์เกิดความเดือดดาลแค้นใจ ผู้ชายทั้งหมดจึงถูกอัปเปหิออกไป นี่จึงได้ส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จริงๆแล้วเรื่องนี้ ยี่ เทียนหยุนจะต้องกลับไปทำการตรวจสอบ ก็เพื่อที่จะดูว่าท่านเจ้าตำหนักคนแรกนั้น มีนามว่าอะไร หากว่าเป็นบรรพบุรุษซวน เทียนจริงแล้วละก็ นี่ก็จะทำให้การหลอมรวมนั้น กระทำได้อย่างง่ายดายขึ้น คนทางฝั่งของคฤหาสน์ยอดสวรรค์นั้นมีไม่มาก แต่ดินแดนแห่งนี้ ก็ถือว่าไม่เลว เหมาะสมที่จะทำการบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่
เมื่อแต่ละพรรคทำการเลือกที่ตั้งทำเลของตนนั้น พวกเขาก็จะเลือกสถานที่ ที่มีโดดเด่นเป็นพิเศษ ดังนั้นแล้ว ในเรื่องสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้กังวล แต่กระนั้น สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ยังจะด้อยกว่าของที่อื่นอยู่
” ก็ในเมื่อท่านเต็มใจที่จะหลอมรวม ข้าก็เต็มใจที่จะเข้ารับตำแหน่งของเจ้าคฤหาสน์ ! ” ยี่ เทียนหยุนยิ้มแย้ม นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาพึงพอใจ
” หากว่าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษซวน เทียน ทำไมท่านถึงได้ ไปปรากฏตัวขึ้นที่พรมแดนปฐพี และคิดที่จะก่อตั้งกลุ่มอิทธิพลขึ้นมากันนะ ?? “
พวกเขาต่างก็ส่ายหัว มีเรื่องราวอีกเป็นจำนวนมากที่พวกเขาไม่รู้ จึงคาดเดาได้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากที่ได้มีการถกประเด็น พูดคุยถึงปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้อง ยี่ เทียนหยุนก็เริ่มที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ของคฤหาสน์ยอดสวรรค์ขึ้นทุกที ทุกที ส่วนการจะประกาศผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งคนใหม่เพื่อขึ้นเป็นเจ้าคฤหาสน์นั้น คงจะต้องรอต่อไปอีกซักระยะนึงก่อน อย่างน้อยก็จะต้องรอให้ท่านเจ้าคฤหาสน์นั้นหายดี เดินได้ซะก่อน จึงจะทำการประกาศ
หากไม่คิดให้รอบคอบ ประกาศออกไปในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้แล้วละก็ นี่ก็จะเป็นการง่าย ที่จะเป็นสาเหตุให้ศิษย์จำนวนมาก เกิดอาการรวนเร สองจิตสองใจ บังเกิดความไม่แน่ใจต่อสถาบันคฤหาสน์ ดังนั้นแล้วเรื่องนี้จึงจะต้องเลื่อนประกาศออกไปก่อน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกังวลเป็นพิเศษ
ภายใต้ความเข้าใจของยี่ เทียนหยุน คฤหาสน์ยอดสวรรค์นั้น จริงๆแล้วอยู่ในสภาพที่แย่มาก ที่แห่งนี้มีเพียงชื่อเท่านั้นที่เปรียบเสมือนเสาแห่งสวรรค์ ที่จะดึงดูดบุคคลอื่นให้เข้ามา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งของผู้อาวุโสที่ไม่มีใครมาสมัคร หากมองไปที่ความขัดแย้งภายใน อันเกิดจากน้ำมือของคนกลุ่มน้อยภายในหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ นี่ก็น่าผิดหวังเป็นอย่างมากแล้ว ความนิยมของคฤหาสน์ยังตกต่ำจนน่าอนาถใจ ทรัพยากรภายในก็ไม่ได้มีมากนัก
บางทีบางสถานที่ก็น่าผิดหวังยิ่งกว่านิกายหยกสวรรค์ มันสามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่า คฤหาสน์ยอดสวรรค์แห่งนี้ ช่างเป็นสถานที่ที่น่าผิดหวังซะนี่กระไร
” สถานการณ์ของคฤหาสน์ยอดสวรรค์ดูเหมือนว่า สถานการณ์ของที่นี่จะค่อนข้างน่าอึดอัด….. ” ยี่ เทียนหยุนปิดตำรา ที่เป็นบันทึกเรื่องราวของสถานการณ์ในด้านต่างๆ มันถูกบันทึกเอาไว้หลายด้าน จากนั้นเขาก็ยกสายตาขึ้นมองดูผู้อาวุโสใหญ่ ฝั่งตรงข้ามเองก็ดูเหมือนว่าจะอึดอัดใจมิใช่น้อย
” จริงๆแล้ว ที่นี่ก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เป็นระยะเวลานานมากแล้วที่ไม่มีศิษย์คนใด เข้าร่วมกับที่นี่เลย หรือเข้ามาช่วงสั้นๆ แล้วเขาก็จากไป สภาพแวดล้อมของที่นี่นั้นจัดว่าดี แต่ก็ไม่ยักกะมีใครที่เข้ามาจอย….. โอ้ว นี่ก็เปรียบเสมือนว่าทั้งคฤหาสน์ตกลงไปในนาข้าว จะว่าไปนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา ” ผู้อาวุโสใหญ่ทอดถอนใจ
ก่อนหน้านี้ที่ข้าไปอยู่ที่หออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ สถานการณ์ของที่นั้น ค่อนข้างที่จะหนักหนาสาหัสเลยทีเดียว ศิษย์บางคนค่อนข้างที่จะเกะกะระราน ความสมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถูกกัดกร่อนทำลาย ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ต่อต้านอย่างเต็มตัว แต่นี่ก็หาใช่การแข่งขันที่ดี มีเมตตาแต่อย่างใดไม่ ” ยี่ เทียนหยุนกล่าวอย่างเคร่งขรึม ” พวกที่ถ่วงความเจริญเหล่านี้ พวกเราจะต้องเอาเขาออกไป สู้รับคนที่มีพรสวรรค์เล็กน้อย ยังจะดีซะกว่าอีก หากว่ายังมีศิษย์ที่หยาบช้าเช่นนี้อยู่ต่อไป มาตรฐานก็รังแต่จะตกต่ำซะเปล่าๆ ไม่ต้องไปรับศิษย์ที่ถูกครอบครัวตามใจจนเสียคนเหล่านี้เข้ามาหรอก !! “
” ก่อนหน้านี้ พวกเราก็ได้พิจารณาปัญหานี้ไปครั้งนึงแล้ว….. แต่เป็นพวกเขาที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา ” ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่กลายเป็นอึดอัด สถานการณ์ของคฤหาสน์ยอดสวรรค์ ทุกๆคนก็รู้ แต่ถ้าหากคิดที่จะเริ่มลงมือ เข้าควบคุมสถานการณ์แล้วละก็ นั้นก็หมายความว่า พวกเขาก็จะต้องลดข้อเสนอของตัวเองลง อย่างฮวบฮาบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาหารของพวกเขาจะต้องขาดมือ
ด้วยการกระทำในรูปแบบนี้ นี่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทุกคนล้วนพึงพอใจที่จะดื่มยาพิษยามกระหายน้ำ ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะต้องตาย กันยกคฤหาสน์พอดี ข้าไม่เชื่อว่า พรรคใหญ่ ที่พึ่งพาอาศัยความสามารถของตนเองแล้ว จะฟื้นคืนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งไม่ได้ ?? ข้าคิดว่าเหตุผลหลักก็คือ การตั้งสเปคที่สูงมากจนเกินไป อันเป็นสาเหตุให้ศิษย์ที่เข้ามา จึงมีน้อย แม้นว่ามีศิษย์ใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ก็จะต้องโดนกลุ่มขยะพวกนี้ขับไล่ออกไปอยู่ดี !! ” ยี่ เทียนหยุนกล่าวอย่างเคร่งขรึม ” ผู้อาวุโสใหญ่ สิ่งไหนควรเบรค เบรค คนไหนที่ควรจะหั่นออก ก็หั่นออก ตัดส่วนที่ไม่ดีออกไป ทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่ดีกว่ารึ ”
เราจะไม่รับคนที่มาจากตระกูลอันน่านับถืออย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แน่นอนว่าการได้ศิษย์ที่มาจากตระกูลอันน่านับถือนั้นย่อมจะเป็นเรื่องอันน่ายินดี แต่ถ้าหากว่าศิษย์คนนั้น เมื่อเข้ามาแล้ว ทำตัวเป็นอันธพาล เกะกะระราน ทำตามอำเภอใจ ท้าดวลไปทั่ว นี่ก็เท่ากับว่า รับเข้ามาแล้วทำลายตัวเอง
ผู้อาวุโสใหญ่ดูเงียบลงไป จากนั้นเขาก็พยักหน้าพูดว่า ” ในตอนนี้ท่านก็คือ เจ้าคฤหาสน์ ทัศนคติความคิดเห็นของท่าน ข้าจะทำตาม ”
” เยี่ยม ข้านั้นมิได้มีความสามารถทางด้านบริหาร จัดการ แต่ในฝั่งของพวกเรานั้น มีความเข้าใจทางด้านบริหาร จัดการเป็นอย่างมาก การจะเลือกศิษย์ ก็มีความเข้าใจในตัวศิษย์แต่ละคน แต่ ณ ตอนนี้ทางฝั่งข้าคงจะอพยพมาที่นี่ไม่ได้เป็นการชั่วคราวก่อน แต่อย่างน้อยที่นี่ ก็จะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่มั่นคง และจากนี้เป็นต้นไปข้าก็จะอพยพนิกายหยกสวรรค์มาอยู่ที่นี่ ” ยี่ เทียนหยุนกล่าว
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า ” ถ้าอย่างนั้นก็ให้ยึดตามนั้น เมื่อท่านขึ้นเป็นเจ้าคฤหาสน์แล้ว ก็ค่อยประกาศเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง พวกเราจะต้องเด็ดขาดในการเปลี่ยนแปลงคฤหาสน์ ”
ยี่ เทียนหยุนพยักหน้า จะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด กลัวว่าเมื่อถึงเวลา ต่างคนก็ต่างไม่เต็มใจที่จะยอมเปลี่ยนแปลง หากว่าถึงเวลานั้น นี่ก็จะเท่ากับว่า กิ่งก้านที่โดนแมลงศัตรูพืชกัดกิน เมื่อคิดที่จะเปลี่ยน หรือว่าตัดทิ้ง มันก็จะสายเกินเพลไปซะแล้ว ในตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการรับผู้สมัคร ศิษย์ที่เข้ามานั้นมีน้อยจนเกินไป นี่ก็สายจนไม่รู้จะสายยังไงแหละ
และเมื่อพวกเขาต้องการที่จะสนทนาไปยังหัวข้ออื่น ศิษย์ก็เข้ามาจากด้านนอก แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอันฟังดูเคารพว่า ” ผู้อาวุโสใหญ่ อัครราชทูตที่ปรึกษาแห่งจักรพรรดิใต้พิภพมาเยี่ยมเยียนขอรับ !! ”
” อัครราชทูตที่ปรึกษาแห่งจักรพรรดิใต้พิภพ ?? “
ยี่ เทียนหยุนและผู้อาวุโสใหญ่ต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน อะไรจะมาได้ถูกที่ถูกเวลาซะขนาดนี้ ฝั่งตรงข้ามมาเยือน แน่นอนว่า ย่อมไม่ได้มาดีแน่
” ไปกันเถอะ พวกเราจะออกไปต้อนรับพวกเขากัน ”
เมื่อมาถึง ณ ห้องโถงใหญ่ พวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งดูสบายๆ และกำลังจิบชาอย่างไร้ซึ่งความกังวลใดๆ และเมื่อเห็นพวกเขามาถึง ก็มิได้ทักทายอะไร กลับพูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้มว่า ” เจ้ามาแล้วหรือ ”
นี่ช่างเป็นบุคลิกที่ดูสามหาวซะนี่กระไร เหมือนตัวเองเป็นเจ้าคฤหาสน์อยู่ที่นี่ ดูไม่เหมือนแขกผู้มาเยือนเลย ฐานพลังของเขาจริงๆก็ไม่เลวเท่าใดนัก ฐานพลังของเขาอยู่ในขั้นแก่นการควบแน่นระดับที่ 7 มาตัวคนเดียว คงจะคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งน่าดู
หากพูดว่าเป็นอัครราชทูตที่ปรึกษา อันที่จริงก็สามารถ ที่จะวิ่งไปทั่วได้
” ที่แท้ก็เป็นอัครราชทูตของพระราชานี่เอง พวกเราขาดตกบกพร่องอะไร ก็จำต้องขออภัย ” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อน ตัวเขาจะโดนบรรดากลุ่มการ์ดเงาลอบโจมตี แต่ว่าเรื่องบางอย่าง ก็มิอาจที่จะเล่าได้ จักรพรรดิใต้พิภพนี้เปรียบเสมือนกับรูปปั้นมหึมาขนาดใหญ่ แม้กระทั่งเขาคิดจะกำจัดเรา แล้วเราจะต่อต้านเขาได้อย่างงั้นหรือ ??
คฤหาสน์ยอดสวรรค์นั้นมีซวน เทียน (ความลับสวรรค์) ขั้นกษัตริย์ แต่เรื่องราวเหล่านี้มันก็ผ่านพ้นมาหลายปีแล้ว แต่จักรพรรดิใต้พิภพในปัจจุบันนั้น เป็นผู้อ้างตนว่า เป็นผู้สั่งการที่อยู่ในขั้นวิญญาณ แต่สำหรับสมญานามของขั้นกษัตริย์ที่อยู่ในโลกภายนอก ที่ถูกเล่าขานกันสืบมานั้น บรรพบุรุษซวน เทียนมิได้เป็นผู้ที่ทึกทักเอาเอง แต่ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นวิญญาณหลายต่อหลายคนเป็นผู้เอ่ยอ้างต่างหาก
หากว่าพูดเผินๆก็คือว่า ส่งออกไป 1 คนก็สามารถที่จะทำลายกลุ่มอิทธิพลเกรด 3 ทั้งหมดลงได้อย่างง่ายดายแล้ว นี่คือ ความแข็งแกร่ง
” อืม เวลานี้ที่ข้ามา ก็เพื่อเชิญเจ้าไปให้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ ” หวัง จื้อผู้พูดก็หยิบเอาการ์ดเชิญ ที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาให้ พร้อมกับพูดอย่างยิ้มน้อยๆว่า ” หากว่าเวลานั้นมาถึง พวกเจ้าจะต้องมา และข้าก็ไม่ต้องการที่จะเห็นเจ้านั้น ขาดนัด ”
เขามิได้ยืนขึ้นตามธรรมเนียม เขาพูดในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยท่าทีที่ดูไม่ได้จริงจังอะไรมากมายนัก เชื่อได้ว่า ปัญหากลุ่มการ์ดเงาของที่นี่ที่ตายหมดแล้วนั้น ฝั่งโน้นจะต้องรู้อย่างแน่นอน หากมิฉะนั้นแล้ว เขาคงจะไม่ส่งอัครราชทูตมาเป็นการส่วนตัวเพื่อมอบคำเชิญชวนอันเป็นลายลักษณ์อักษรหรอก
” คำเชิญนี้ พวกเราจะไป ” ผู้อาวุโสใหญ่เมื่อรับแล้ว สีหน้าก็ยังคงรักษาอาการยิ้มแย้มแจ่มใสเอาไว้อยู่ แต่ว่าดูยังไงๆ นี่ก็เหมือนกับว่าถูกตบหน้าชัดๆ แต่เขาก็ยังแสดงใบหน้าที่ดูแย้มยิ้มออกมา
” อืม จะต้องไปให้ตรงเวลานะ ” หวัง จื้อลุกขึ้นยืนแล้วนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเขาพูดจบแล้ว ก็มุ่งหน้าเดินออกสู่ด้านนอก ไม่อยากที่จะให้ความสนใจต่อพวกเขาอีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า งานเลี้ยงรับรองนี้ มันจะต้องไม่อร่อยอย่างแน่นอน