ตอนที่ 210 : การดวลตัวต่อตัว
598 Views
” เจ้าจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ที่นี่สำหรับเจ้าแล้ว มันมีแรงกดดันที่มากจนเกินไป….. ” หยาง ซิซูพูดออกมาอย่างเร่งรีบ
” มันจะมีแรงกดดันอะไร ?? ตัวท่านมิต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวข้าหรอก บ่มเพาะต่อไปเถอะ ข้าจะเดินเล่นทอดน่องอยู่ที่นี่ ” ยี่ เทียนหยุนไม่ได้นั่งบ่มเพาะ แต่เขากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม นั่นก็คือการเดินไปเดินมาภายในห้องบ่มเพาะ
หยาง ซิซูเองไม่กล้าที่จะเดินเล่นตามใจ หลังจากที่มองยี่ เทียนหยุนอย่างมิค่อยเต็มใจนัก เธอก็นั่งลงบ่มเพาะพลังต่อ ที่นี่นั้นถึงยังไงก็ไม่ได้มีอันตรายอะไร การชักชวนก็ยังคงเป็นการชักชวน หากว่ายี่ เทียนหยุนไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เธอพูดมันก็ไม่มีความหมาย
หยาง ยู่มองดูอย่างโง่งมอยู่ด้านนอก ยี่ เทียนหยุนมิเพียงแต่จะเข้าไปเท่านั้น แต่เขายังคงเดินสุ่มสี่สุ่มห้าต่อไป นี่จะต้องพุดชักชวนเขาขนาดไหนกัน ??
เรื่องราวนี้ก็กระจายไปทั่วทั้งหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์อย่างรวดเร็ว มันนำมาซึ่งกระแสแห่งการดูถูกในทันที เพิ่งจะเข้าร่วมหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ก็กล้าที่จะท้าทายหอวิญญาณแห่งสวรรค์ระดับ 5 โดยตรง และที่ยิ่งไปกว่านั้นยังลงทะเบียนเป็นระยะเวลาถึง 10 วันอีก !! นี่จะไม่เป็นการสูญเสียทรัพยากรเป็นจำนวนมากหรอกเรอะ
หลังจากที่ข่าวได้แพร่กระจายออกไป เหล่าบรรดาศิษย์ของหออักษรรูนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เป็นจำนวนมากต่างเฮโลกันมาที่นี่ เจีย ปิงลูกพี่ของเหมียว เหวินก็มุ่งมาที่นี่กับเขาด้วย เขาสังเกตเห็นว่ายี่ เทียนหยุนนั่งบ่มเพาะอยู่ข้างใน นัยน์ตาของเจีย ปิงก็เป็นประกายระยิบระยับ มีความเย็นชาอยู่หลายส่วน เหมียว เหวินที่อยู่ใกล้ก็พูดกับเขาว่า ” บอสเจีย เจ้าเด็กคนนี้แหละที่ทำร้ายศิษย์พี่เฟิง !! “
เจีย ปิงพูดเยาะเย้ยอยู่ทางด้านข้างว่า ” เขาเข้าไปนานแค่ไหนแล้ว ?? ”
” น่าจะเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ” ศิษย์ที่อยู่ใกล้เมื่อเห็นเขาก็กลายเป็นพูดตะกุกตะกัก
” สองชั่วโมง….. ” เจีย ปิงทำน้ำเสียงเย้ยหยันดูถูก พูดจบเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปยังหอแห่งวิญญาณในทันที หลังจากนั้นก็นำเครื่องรางดูดพลังวิญญาณออกมา มีเพียงแต่เครื่องรางนี้เท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถเข้าสู่ภายในได้ หาไม่แล้วก็คงทำได้เพียงมองอยู่ภายนอก
หลังจากที่ได้รับเครื่องรางดูดซับพลังวิญญาณแล้ว จากนั้นเขาก็สาวเท้าก้าวยาวๆขึ้นไป ลำดับของเจีย ปิงก็คือ 24 ซึ่งผู้ดูแลหวงก็กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า จะต้องเป็น 30 ลำดับแรกถึงจะสามารถทนทานอยู่ที่นี่ได้เป็นระยะเวลานาน คำว่าระยะเวลานานของที่นี่ พูดได้ว่าอย่างน้อยๆก็กินระยะเวลาหลายวัน
หากว่ามิได้บ่มเพาะอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาหลายวันแล้ว ก็ย่อมที่จะไม่คุ้มทุนอย่างแน่นอน
” บอส มีใครบางคนต้องการที่จะหาเรื่องท่าน !! ” ณ เวลานี้ทันใดนั้นเอง หยาง ยู่ก็ได้ร้องตะโกนร้องเข้าไปข้างใน
เหมียว เหวินชำเลืองมองดูเขาอย่างเย็นชา พูดขึ้นว่า ” หยาง ยู่เจ้าต้องการที่จะมีเรื่องกับพวกเราอย่างงั้นเรอะ ?? ”
” มีเรื่องอะไร ข้าอยากจะตะโกนแล้วมันมีปัญหาอะไร ?? ” หยาง ยู่ตอบกลับอย่างมิได้เกรงกลัวพวกเขาเลย
ณ เวลาด้านในนั้น เจีย ปิงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของยี่ เทียนหยุน เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ” เด็กน้อย ข้าชอบที่ตรงนี้ เจ้าจงเขยิบย้ายที่ไปซะ !! ”
โดยปกติทั่วไปแล้ว ผู้ที่มาที่นี่จะไม่มีการรบกวนผู้ที่กำลังทำการบ่มเพาะอยู่ แต่เจีย ปิงเข้ามาที่นี่เป็นการเฉพาะเจาะจง เขามาที่นี่ก็เพื่อล้างแค้นให้กับเฟิง ยู่หลง มิได้มาเพื่อทำการบ่มเพาะพลัง
ยี่ เทียนหยุนยกสายตาที่เย็นชาขึ้นมองดูเจีย ปิง ” อาจารย์ของเจ้าคงจะมิได้อบรมสั่งสอนเจ้าหรือยังไง ว่ารบกวนผู้อื่นที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่นะ เท่ากับว่ากำลังฆาตกรรมปล้นเงินเขาอยู่ !! “
” เสียใจด้วยนะแต่ข้าไม่มีอาจารย์ ที่ตรงนี้ข้าชอบ หากว่าเจ้าต้องการที่จะบ่มเพาะ เจ้าก็เขยิบออกไปซะ !! ” เจีย ปิงอาศัยความหน้าหนา เขามิได้ลงมือ แต่อาศัยการรบกวนยี่ เทียนหยุนมิให้บ่มเพาะพลังได้
” เจีย ปิงเจ้าพล่ามพอรึยัง !! รบกวนบุคคลอื่นโดยมิได้ยั่งคิด ณ ที่แห่งนี้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปสู่ภายนอก เจ้าไม่กลัวที่จะถูกหัวเราะเยาะเอาหรือยังไง !! ” หยาง ซิซูที่อยู่ใกล้นั่นทนดูไม่ได้ จนเธอต้องลุกขึ้นมา พูดประฌามเจีย ปิง
” หยาง ซิซูเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะพูดช่วยเหลือเขาเช่นนี้ ?? ” เจีย ปิงพูดอย่างเย็นชาว่า ” คู่หมั้นของเจ้านอนซมอยู่บนเตียง เจ้ายังไม่ไปดูดำดูดีเขาเลย นี่เจ้าไม่คิดว่า เจ้าไร้ซึ่งความรู้สึกเกินไปหน่อยเช่นนั้นหรือ ?? ”
” ข้าพูดความจริง หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มิเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะขายหน้า แต่มันหมายรวมไปถึงตระกูลเจียด้วย !! และเฟิง ยู่หลงก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับข้า และที่ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มิใช่คู่หมั้นของข้า !! ” หยาง ซิซูกล่าวอย่างเคร่งขรึม ” จงเปล่งวาจาของเจ้าและก็สู้กันอย่างตรงไปตรงมา นี่เป็นรูปแบบที่ผู้ชายเขาตัดสินกัน มิใช่ใช้กลอุบายต่ำช้าเลวทรามจำพวกนี้ !! “
เธอไม่สามารถทนเห็นปัญหานี้ได้ ” เปิดคำท้าและสู้กันอย่างตรงไปตรงมานั่นคือลูกผู้ชายตัวจริง หากยังพูดก่อกวนอยู่เช่นนี้ รังแต่จะกลายเป็นคนที่ถูกหัวเราะเยาะ แตกต่างอะไรไปจากนักเลงหัวไม้กัน ??
” ดวลซิ ยังไงๆข้าก็จะต้องดวลกับเจ้านี้อย่างแน่นอน !! ” เจีย ปิงมองยี่ เทียนหยุนอย่างดูถูก ” เจ้าละจะว่ายังไง เต็มใจที่จะยอมรับคำท้าของข้ารึเปล่า หากว่ากล้าก็มาดวลกับข้า !! “
” ดวลกับเจ้านะรึ ?? ข้าไม่สนใจ ” ยี่ เทียนหยุนพูดอย่างมิได้แยแส ” ข้าเพียงต้องการที่จะบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่เพียงเท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่อยากที่จะสนใจ ”
อกของเจีย ปิงแทบจะระเบิด เขาไม่คิดเลยว่าคำขอของตัวเองจะถูกตอบปฏิเสธเช่นนี้
” เจ้ามันขี้ขลาด !! ” เจีย ปิงพูดถากถาง ” ทุกๆคนดู ข้าต้องการที่จะท้าดวลกับเขาตัวต่อตัวตามแบบฉบับของลูกผู้ชาย แต่เขากลับตอบปฏิเสธข้า !! “
บุคคลที่อยู่ภายนอกต่างก็ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาในทันที พวกเขาต่างก็คิดกันว่ายี่ เทียนหยุนนั้นเป็นคนขี้ขลาดตาขาว จึงไม่ยอมรับคำท้าของเจีย ปิง
ยี่ เทียนหยุนชำเลืองมองเขาขึ้น-ลงไปมา แล้วก็พูดอย่างไม่แยแสว่า ” แล้วเจ้าอยากที่จะดวลแบบไหนกันละ ?? “
” ยอดเยี่ยมมาก ในที่สุดเจ้าก็รับคำท้าของข้า !! ” นัยน์ตาของเจีย ปิงดูเป็นประกายเจิดจรัส พลางพูดเย้ยหยันขึ้นมาว่า ” เจ้านั้นมิใช่เป็นผู้ที่เร็วที่สุดในการฝ่าด่านอาเรย์ แล้วยังเลือกที่จะใส่จำนวนวันถึง 10 วัน !! เช่นนี้แล้ว ข้าก็จะขอแข่งพลังวิญญาณกับเจ้า ใครที่อยู่ได้นานกว่า คนผู้นั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะ เจ้าว่ายังไง !! ”
” ไม่มีปัญหา แต่บทลงโทษของผู้แพ้ละ ?? ” ยี่ เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
” ถ้าหากว่าข้าแพ้ เจ้าจะฆ่าจะแกงยังไงข้าก็เชิญตามใจเจ้า !! แต่ถ้าหากว่าเจ้าแพ้ ข้าจะทำยังไงกับเจ้าก็ได้ตามใจข้า ระยะเวลาของข้อเรียกร้องนี้ก็คือ 1 ปี เจ้าว่ายังไง !! ” เจีย ปิงวางแนวทาง
” ความต้องการนี้มิเท่ากับว่า ข้าจะต้องกลายเป็นทาสรับใช้ส่วนตัวของเจ้าอย่างงั้นเรอะ เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติหรอก ” ยี่ เทียนหยุนพูดยกยิ้ม ” คำขอของข้ามิได้มากมายอะไร ขอแค่ตบหน้าเจ้าก็พอ เจ้าจะได้มีความทรงจำที่ยาวขึ้น ”
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมาก ต่างก็พากันช็อคในทันที รุกกี้หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามา จะไม่อหังการเกินไปหน่อยเช่นนั้นหรือ ?? ไม่คิดเลยว่าจะกล้าพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ถึงแม้ว่าตำแหน่งของเจีย ปิงจะไม่ได้ถึงกับสูงมากเป็นพิเศษอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็มีลำดบที่ 24 เป็นศิษย์ที่นับได้ว่าโดดเด่นเลยทีเดียว อย่างนี้ยังถือว่าไม่มีคุณสมบัติอีกอย่างงั้นเรอะ ?? แล้วลำดับที่ 1 – 10 ละ มีคุณสมบัติไหม ??
” เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม !! ” เจีย ปิงแทบจะกลายเป็นบ้า ทั่วทั้งร่างกายของเขาถึงกับสั่น ” เจ้าบ่มเพาะได้เลย !! เจ้าจะต้องชนะข้าให้ได้เท่านั้นมิฉะนั้นแล้ว ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเจ้า มันก็คงจะไม่มีอีกต่อไป หากว่าการแข่งขันเริ่มแล้วเจ้าก้จะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว !! ”
เขาระเบิดโทสะออกมา หากว่าที่นี่ไม่มีกฏระเบียบแล้ว เขาคงจะลงมือกับยี่ เทียนหยุนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกเหนือไปจากการดวลกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว อย่างอื่นก็มิได้ที่จะกระทำได้ มิฉะนั้นแล้วเขาก็คงจะจัดการกับบี่ เทียนหยุนอย่างไร้ความปรานีเป็นการส่วนตัวตามใจของเขาไปแล้ว !!
” ถ้ายังงั้นก็สามารถที่จะเริ่มได้เลย ตามใจเจ้า “
” งั้นก็เริ่มกันเลย !! ” เจีย ปิงหยิบเอาเครื่องรางดูดวิญญาณของเขาออกมา เขาตรงไปนั่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาก็บรรจุพลังวิญญาณเข้าไปในเครื่องราง เครื่องรางก็ปรากฏแสงส่องสว่างขึ้นมาในทันที การอัดกระแทกของพลังวิญญาณก็ท่วมทะลักเข้าไปอย่างบ้าคลั่งและรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเขาพลันสะดุ้งสั่นสะท้านเล็กน้อย
ฝั่งของยี่ เทียนหยุนก็นำเอาเครื่องรางออกมาคล้ายกัน จากนั้นก็ดูดพลังวิญญาณเข้าไป พร้อมกับต้านทานพลังวิญญาณที่เข้าโจมตีภายในร่างกายของเขา
ยี่ เทียนหยุนมิได้ปิดตาของเขาแต่อย่างใด เขายังคงพินิจพิจารณาอักขระอักษรรูนที่อยู่ใกล้ๆ มิได้มีสีหน้าเคร่งเครียดกับการต่อสู้แข่งขันของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
บรรดาผู้คนที่รายล้อมอยู่ภายนอกเป็นจำนวนมากนั้น ไม่มีใครที่นิยมชมชอบยี่ เทียนหยุนเลย เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก ลำดับของยี่ เทียนหยุนนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพียงแค่ลำดับที่ 81 แต่กลับหาญกล้าที่จะต่อสู้กับเจีย ปิงผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 24 นี่มันแตกต่างกันนับ 10 เท่า !!
มิใช่ว่าลำดับที่จัดขึ้นนี้ จะเป็นการจัดแบ่งแบบชุ่ยๆไปเรื่อยเปื่อย เมื่อความต่างชั้นห่างกันขนาดนี้ พวกเขาต่างก็คิดกันว่า สมองของยี่ เทียนหยุนคงจะมีปัญหาอย่างแน่นอน การที่จะยกระดับพลังวิญญาณของตัวเองนั่นยากกว่าการบ่มเพาะพลังหลายเท่า สู้ประลองทักษะยุทธ์กันยังจะดีกว่า เพราะว่ามันไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ยี่ เทียนหยุนนั้นยังลืมหูลืมตาอยู่เลย มิได้เพ่งสมาธิกำหนดจิตแต่อย่างใด จริงๆแล้วนี่ก็คือ พฤติกรรมของคนโง่หรือจริงๆแล้ว เป็นพฤติกรรมของคนที่มั่นใจเช่นนั้นหรือ ??