ตอนที่ 197 : กำราบในทันที
515 Views
” จะไปข่มขู่เจ้าได้อย่างไร ?? ” หวัง ฉิ่งพูดเยาะเย้ย ” ณ ตอนนี้พวกนางอยู่ในกำมือเรา เจ้าจะต้องเชื่อฟังเรา หากมิฉะนั้นแล้วพวกเธอตาย !! “
” ผู้อาวุโสยี่ ไม่ต้องไปฟังคำที่พวกมันพูด หากปราศจากการต่อสู้ นั่นหมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จบ !! ” ยี่ ยวีซวนและยี่ ยูร์เวยต่างก็ตะโกนออกมา
” ใช่แล้วละ หากว่าปราศจากการต่อสู้ เจ้าก็จะจบ !! ” หวัง ฉิ่งหันศีรษะไปทางยี่ เทียนหยุนและก็พูดขึ้นว่า ” ผู้อาวุโสยี่ของข้า เจ้าจะสามารถช่วยคนโดยปราศจากการต่อสู้ได้อย่างงั้นเรอะ ?? สามารถที่จะกลายมาเป็นผู้อาวุโสได้นี่ ฐานบ่มเพาะพลังของเจ้าคงจะมิใช่น้อยละซินะ ?? ขั้นแก่นการควบแน่นอย่างงั้นเรอะ ?? ผู้เยาว์ที่สามารถบรรลุถึงฐานพลังที่อยู่ในขั้นนี้ได้เนี่ย นับได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว ”
หวัง ฉิ่งพูดราวกับว่าฐานพลังของพวกเขานั้นอยู่ในขั้นแก่นการควบแน่นเหมือนกันซะอย่างงั้น หวัง สุยที่อยู่ใกล้กันนั้น จริงๆแล้ว เขานั้นอยู่ในขั้นแก่นวิญญาณ ดังนั้นแล้วพูดได้เลยว่า พวกเขานั้นแยกออกจากหลิน หลี่อย่างชัดเจน
” ข้าจะไม่ต่อสู้ขัดขืน อย่าได้ทำอะไรพวกเธอ !! ” ฟังจากเสียงอันเย็นชาของยี่ เทียนหยุนก็รู้แล้วว่า อารมณ์ของเขา มันเดินทางมาถึงขีดสุดแล้ว ถ้าหากว่าความโกรธสามารถที่จะพ่นออกมาได้แล้วละก็ ที่นี่ก็คงจะเปลี่ยนเป็นนรกไปเรียบร้อยแล้ว
สายตาของยี่ เทียนหยุนยังคงจับจ้องวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันของบุคคลทั้ง 3 อยู่ ฐานพลังของหลิน หลี่นั้นก็เหมือนเมื่อก่อน แก่นการควบแน่นระดับที่ 2 หวัง สุยและหวัง ฉิ่งสองพี่น้อง ก็คือผู้ดูแลและผู้อาวุโสของตระกูลหวัง ฐานพลังของพวกเขาทั้งสองนั้น ค่อนข้างที่จะดูน่าทึ่งเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
” ใช่ แต่ข้าก็ยังไม่เชื่อใจเจ้าอยู่ดี จึงต้องขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนว่า อย่าได้ทำอะไรผลีผลามหุนหันพลันแล่น หากมิฉะนั้นแล้วก็อย่าได้ตำหนิพวกเราว่าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน !! ” หวัง สุยยังคงชี้กริชไปที่คอของพวกเธอสองพี่น้อง เขาบอกใบ้ให้หวัง ฉิ่งออกไปตรวจสอบสถานการณ์ เหมือนดั่งเช่นเคยที่ผ่านมา
หลิน หลี่ก็นำมือของเขาออกมา ส่งสัญญาณบอกใบ้พวกเขาว่าไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไร ตัวของหลิน หลี่เองนั้นได้ทำการตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกด้วยพลังวิญญาณเรียบร้อยแล้ว ทั้งภายในและภายนอก เมื่อเขาพลิกอ่านดูผ่านๆ ก็ไม่พบกับสัญญาณของการอำพรางหรือว่าปกปิดอะไรเลย
” ไม่มีใครอยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ระยะไกล จะมีบุุคคลซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า ” หลิน หลี่ยืนยันในการสำรวจของเขาอย่างหนักแน่น พลังวิญญาณของเขาใช่ว่ามันจะอ่อนแอ ขอเพียงแค่เขามีฐานพลังที่อยู่ในระดับสูงเมื่อไร เขาก็จะตรวจสอบได้ง่ายดาย ยิ่งขึ้นกว่านี้อีก
เขาคิดว่า ยี่ เทียนหยุนนั้นมีผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ แต่ตระกูลจูนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด นอกเหนือไปจากผู้นำตระกูลแล้ว ฐานพลังของผู้อาวุโสคนอื่นๆก็เหมือนกับหวัง สุย ดังนั้นแล้วหากพวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายเข้าปะทะกัน เขาก็ยังสามารถที่จะหันหลังถอยกลับได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไรไป
” โยว้ !! ดูเหมือนว่าความกล้าของเจ้าจะมิใช่น้อยๆเลยนี่นา มาตัวคนเดียวจริงๆซะด้วย ” หวัง ฉิ่งพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินออกมา เขามองดูยี่ เทียนหยุนพร้อมกับพูดจาเยาะเย้ยว่า ” ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนนะว่าอย่าวิ่งหนี หากว่าเจ้าคิดที่จะวิ่งหนีแล้วละก็ พวกเราก็จะไม่การันตีชีวิตของพวกนางทั้ง 2 คน….. ” หวัง ฉิ่งพูดไปก็เดินไป ดูเหมือนว่าเขาเตรียมตัวที่จะลงมือตลอดเวลา เขาไม่เชื่อว่ายี่ เทียนหยุนจะสามารถรอดพ้นไปจากเงื้อมือของตัวเขาไปได้
” ข้าจะไม่หนีไปไหน ตราบใดที่เจ้าปล่อยพวกเธอไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เจ้ามาลงที่ข้าได้เลย !! ” ยี่ เทียนหยุนจ้องไปที่หวัง ฉิ่งผู้กำลังเดินมา
” ผู้อาวุโสยี่อย่าไปเชื่อพวกมัน พวกมันจะฆ่าท่าน รีบหนีไป !! ” ยี่ ยูร์เวยตะโกนเสียงดังโดยที่มิได้เป็นห่วงชีวิตของพวกเธอสองพี่น้องเลย
” !! “
ยี่ ยูร์เวยนั้นถูกตบด้วยฝ่ามือของหลิน หลี่ แต่ยี่ ยวีซวนก็เข้ามากันตัวเธอเอาไว้ ทำให้ฝ่ามือของหลิน หลี่นั้นโดนเข้าที่หัวไหล่ของเธอแทน แต่เนื่องจากฝ่ามือนี้แรงมาก จึงทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บปวดจนหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
” อย่ามาตีน้องสาวของข้านะ !! ” ยี่ ยวีซวนสายตาเย็นชา เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ณ เวลานี้ ตัวเธอจะได้ปกป้องน้องสาวของเธอ
” ดี สองคนพี่น้องช่างรักใคร่กันดีจริงๆ แต่มิใช่ว่าพวกเจ้าสองพี่น้อง เป็นบุคคลที่ไร้ค่าไร้ราคาเช่นนั้นหรือ ?? ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ายังมิทันจะได้แต่งงานเลย ก็ต้องยกเลิกไป ดูเหมือนว่าตระกูลจูจะเลี้ยงดูคนที่ไม่คุณค่าอะไรเลยขึ้นมา ฝั่งตรงข้ามถึงไม่มีใครเอา ” หลิน หลี่พูดถากถาง พลันเขาก็มองไปที่ยี่ เทียนหยุนแล้วก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า ” หากว่ามีความสามารถ เจ้าก็หนีไปซิ แต่ข้าไม่รับประกันนะว่า จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า !! “
” พวกเจ้าอย่าได้คิดที่จะทำอะไร ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า ตัวข้าจะไม่หนี !! ” ยี่ เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ความรู้สึกภายในของเขาตอนนี้นั้น มันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
ณ เวลานี้เอง หวัง ฉิ่งก็ได้พรวดพราดเข้ามา เขาตรงเข้าจับกุมยี่ เทียนหยุนในทันที ตะบี้ตะบันกุมมือทั้ง 2 ข้างของยี่ เทียนหยุน
” นายน้อยหลิน ข้าจับเขาเอาไว้แล้ว เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้แล้ว !! ” หวัง ฉิ่งยิ้มแย้ม เขากลายเป็นดูผ่อนคลายมากขึ้น งานนี้ไม่มีความยากอะไรเลย
” ยอดเยี่ยมมาก นำตัวเขามาให้ข้า !! ” หลิน หลี่ยิ้มเยาะ นัยน์ตาตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ยี่ เทียนหยุนถูกนำตัวมา นัยน์ตาของเขาไม่มีท่าทีว่าจะกลัวตายเลย แม้แต่นิดเดียว ยังคงเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารเฉกเช่นเหมือนก่อน !!
” ก็ในเมื่อข้าถูกจับแล้ว พวกเจ้าก็ปล่อยตัวพวกเธอไปได้แล้ว ” ยี่ เทียนหยุนกล่าวอย่างมิได้แยแส
หลิน หลี่และหวัง สุยต่างก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างก็พลันหัวเราะลั่น เสียงดังกันออกมา และมันเป็นการหัวเราะที่สื่อไปในทางเย้ยหยันซะนี่กระไร พวกเขาทำเหมือนกับว่ากำลังดูตัวตลกผู้โฉดเขลา เบาปัญญา โง่งมอะไรซักอย่าง ที่ไม่ได้ตระหนักหรือรับรู้อะไรเลย
” นายน้อยหลิน เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นปรมาจารย์อักษรรูนศักดิ์สิทธิ์จริงๆนะเรอะ ?? ” หวัง สุยหัวเราะ เขาปล่อยกริชในมือชี้ไปที่ยี่ เทียนหยุน โดยที่ไม่มีทีท่าที่จะเชื่อว่ายี่ เทียนหยุน เป็นปรมาจารย์อักษรรูนศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่นิดเดียว
วินาทีนี้ สายตาของยี่ เทียนหยุนก็ทอแสงเปล่งประกายขึ้นมาในทันที
” น้องชายเจ้าไม่สามารถที่จะพูดจาอย่างนี้กับเขาได้นะ นี่แสดงว่าหัวใจของเขาบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจถึงความชั่วร้ายที่อยู่บนโลกใบนี้ ฮิฮิ….. ” หวัง ฉิ่งที่จับกุมตัวของยี่ เทียนหยุนอยู่ ก็พลันพูดเยาะเย้ยออกมา เขายิ้มจนน้ำตาเล็ด
พูดอย่างนี้ ก็สื่อความหมายไปในทางที่ว่า เป็นเด็กที่ยังไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน ยังไม่มีประสบการณ์อย่างแท้จริง ณ ตอนนี้ยี่ เทียนหยุนในสายตาของพวกเขา ก็คือเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา
” กล้าที่จะเล่นทริคถูกๆต่อหน้าข้า ก่อนหน้านี้พรสวรรค์ของเจ้าจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ว่า ณ ตอนนี้ มิใช่ว่าเจ้าตกอยู่ในกำมือของข้าอย่างงั้นหรือ ข้าจะจัดการกับตัวเจ้ายังไงดีน้า ?? ” หลิน หลี่พูดจาเยาะเย้ยออกมา เขายังคงมองดูยี่ เทียนหยุนแล้วก็พูดว่า ” การจะออกสู่โลกภายนอก ก็จะต้องพบเจอทั้งคนดีและคนเลว ไม่ว่าจะที่ไหนๆทั่วโลกก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น !! ”
ทันใดนั้น หลิน หลี่ก็ยกฝ่ามือของเขาขึ้นมา เล็งไปที่หน้าของยี่ เทียนหยุน เขามิได้ตั้งใจที่จะทำให้ยี่ เทียนหยุนกลัวตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เขาตั้งใจที่จะทำให้ยี่ เทียนหยุนนั้นอับอายก่อนเป็นลำดับแรก เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากัน
” โหมดคลั่ง จงเปิดออก !! “
” ปัง !! ”
พลัง 8 เท่าระเบิดออกในทันที ค่าประสิทธิภาพพละกำลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นถึง 3,000,000 แต้มแทบจะในทันทีทันใด ร่างกายก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาจับหวัง ฉิ่งเหวี่ยงปลิวไป ชนเข้ากับกำแพง !!
และในขณะเดียวกัน กับจังหวะที่ต่อเนื่อง เท้าของเขาก็เตะไปที่หลิน หลี่อย่างรวดเร็ว
” แปง !! “
หลิน หลี่กลายเป็นกระเด็นพุ่งติดกำแพงหิน เมื่อเขายกหัวขึ้นมา เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของเขา ตัวเขาติดอยู่ในรอยแตกของกำแพงหิน แทบจะหมดสติในทันที กระบวนเท้านี้ร้ายกาจเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นเพราะยี่ เทียนหยุนเองที่ได้ยั้งเท้าของเขาเอาไว้ โดยที่มิได้คิด ที่จะลงมือเตะหลิน หลี่ให้ถึงแก่ความตาย
” ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ คิดที่จะฆ่าข้าอย่างงั้นเรอะ !! ” หวัง ฉิ่งที่โดนเตะ ก็ลุกขึ้นมา เขานำดาบสั้นออกมาอย่างรวดเร็ว หมายที่จะเข้าแทงด้านหลังของยี่ เทียนหยุนอย่างรวดเร็ว !!
เข้าใกล้อย่างรวดเร็วประดุจเงาปีศาจ แต่….. ยี่ เทียนหยุนนั้นหมุนตัวเตะเท้าเข้าหาหวัง ฉิ่ง โดยที่ไม่มีการหยุดการเคลื่อนไหว ลูกเตะอันหนักหน่วงก็พุ่งเข้าหาหวัง ฉิ่ง หวัง ฉิ่งจึงต้องยื่นมือออกมากันเอาไว้อย่างรีบเร่ง แต่พละกำลังของขั้นแก่นวิญญาณเช่นเขานะหรือ ที่จะทานทนลูกเตะของยี่ เทียนหยุนได้นะ ??
” ตั้ม !! “
หวัง ฉิ่งถูกเตะด้วยเท้าจนกระเด็นลอยไป แต่เท้านี้อาจจะหนัก แขนของเขาถูกตัดขาดในทันที หวัง ฉิ่งส่งเสียงร้องครวญครางกระเด็นกระดอนไปมา พุ่งเข้าหาหวัง สุยอย่างรวดเร็ว แต่หวัง สุยก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขารีบพุ่งตัวเข้าหาสองพี่น้องตระกูลยี่ที่อยู่ใกล้ในทันที เพื่อที่จะใช้พวกเธอเป็นโล่กำบังให้กับตัวเขาเอง
แต่….. เปลวเพลิงที่ร้อนแรงก็ลวกใส่หลังของเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่ยี่ เทียนหยุนวูบผ่านเข้ามา อยู่ทางด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของเขาตบลงบนหลังของหวัง สุย และที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาเร่งพลังจนถึงขีดสุด เปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับพุ่งเข้าไปภายในร่างกายของหวัง สุย
พลังแห่งเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวเผาไหม้ภายในร่างกายของหวัง สุยอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงร้องอันน่าโหยหวน ทุกขเวทนา มันกลืนกินเส้นชีพจรของเขาอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่ง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นไหม้เกรียม แต่ถึงกระนั้นเปลวเพลิงก็ยังคงทำหน้าที่มอดไหม้ของมันต่อไป
” จ….. เจ้า เปลวเพลิงของเจ้านี่มัน….. ” หวัง สุยถึงกับช็อค เขารู้สึกว่าอวัยวะหลักภายในทั้ง 5 ที่สำคัญ (เครื่องใน) ภายในร่างกายของเขากำลังถูกเผาไหม้อยู่ เขารีบที่จะโคจรพลัง เพื่อที่จะกำราบเปลวเพลิงดวงนี้ แต่การกระทำของเขามันก็มิได้มีความหมายสำคัญอะไร
” ไปตายซะ !! “
ยี่ เทียนหยุนพุ่งตัวเข้าเตะอย่างรุนแรง
” ตั้ม !! “
หวัง สุยที่ถูกถีบด้วยพลังเท้าอันร้ายกาจ บริเวณหน้าอกของเขาก็กลายเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ อวัยวะภายในถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงยังไม่พอ ยังเอาหน้าอกมารับเท้าของยี่ เทียนหยุนอีก ถึงไม่อยากตาย มันก็ยากแล้ว
” ตึง!! ประสบความสำเร็จในการฆ่าหวัง สุย ได้รับค่าประสบการณ์ 150,000 แต้ม แต้มคลั่ง 2,400 แต้ม ได้รับทักษะยุทธ์ก้าวย่างพลิกผันแห่งสวรรค์ ได้รับไอเทม ดาบทำลายสวรรค์ ”
เสียงจากระบบดังขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าหวัง สุยนั้นตายอย่างสมบูรณ์ อย่างสมบูรณ์แล้ว
ยี่ เทียนหยุนพลันแก้เชือกที่มัดพวกเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง แน่นอนว่าเชือกธรรมดาๆย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะทำให้พวกเธอหมดสภาพได้
” ผู้อาวุโสยี่ ตำหนิพวกเราเถอะ ที่นำ….. ยี่ ยูร์เวยและยี่ ยวีซวนต่างก็นึกตำหนิตัวเอง ที่นำปัญหามาให้ยี่ เทียนหยุน ”
” เป็นข้าเองที่นำปัญหามาสู่ตัวพวกเจ้า….. ยี่ เทียนหยุนส่ายหัว ” สายตาของยี่ เทียนหยุนจับจ้องไปที่หลิน หลี่ ผู้ซึ่งยังไม่ตาย หากดูจากสายตาของเขาแล้ว นี่คำนวณได้เลยว่า เขาจะต้องประฌามยี่ เทียนหยุนอยู่ ณ ขณะนี้อย่างแน่นอน