ตอนที่ 112: กลับไปที่เมือง, เมนูอาหาร
326 Views“ทำไมข้าถึงได้ยินเรื่องการสังหารโหดของผู้รักษาการเหยินล่ะ ?” เสียงอันเยือกเย็นของจักรพรรดินีดังออกมา ทั่วร่างกายของเหยินปาเชียนถึงกับแข็งทื่อเลยทีเดียว
องค์จักรพรรดินีหมายถึงอะไรกันแน่นะ ?
นี่พระองค์รู้ว่าเราฆ่าเหลียนเบ่าเฉิงเหรอเนี่ย ?
ไม่งั้นแล้วทำไมพระองค์ถึงตรัสเช่นนั้นล่ะ ?
จิตใจของเหยินปาเชียนเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ในตอนนี้เขาไม่มั่นใจว่าตนควรจะตอบจักรพรรดินีอย่างไรดี
ประโยคต่อไปของจักรพรรดินีทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว
“ช่างมันเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไปจัดระเบียบตัวเองให้เรียบร้อยซะ สภาพโสโครกเช่นนั้นมันช่างน่าอับอายเหลือทน” จักรพรรดินียังคงพูดต่อไป
“เป็นพระกรุณายิ่งขอรับฝ่าบาท” เหยินปาเชียนพูดออกมาทันทีแล้วถอยกลับ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องอื่น
หลังจากที่เหยินปาเชียนออกไปแล้ว เขาก็มั่นใจว่าจักรพรรดินีรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มิฉะนั้นแล้วนางคงไม่พูดประโยคสุดท้ายนั่นออกมาหรอก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงนับได้ว่าไร้กังวล มันจะป้องกันผู้อื่นจากการขุดสิ่งต่าง ๆ อีกในอนาคต
โดยปกติแล้ว เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีนั้นรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับความประพฤติและการกระทำของตน
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว จักรพรรดินีก็นึกถึงสีหน้าเศร้าโศกของเหยินปาเชียนตอนที่เขาร้องไห้ฟูมฟายเมื่อครู่นี้ มันทำให้นางรู้สึกว่าน่าขบขันยิ่งนัก นางยิ้มออกมา “เหลี่ยมจัดจริง ๆ เค้ามักจะต้องการให้เคาะเบา ๆ เพื่อให้ได้สติเสมอเลยนะ”
ชิงยวนกับหงหลวนต่างมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็มีรอยยิ้มบนหน้า คนอื่นใดที่มาเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดินีก็จะจัดระเบียบตัวเองซะก่อน คงไม่มีใครเหมือนผู้รักษาการแทนเหยินที่ไปพบนางในสภาพเศร้าโศกและร้องไห้อย่างน่าสังเวช อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่จักรพรรดินีพบกับเหยินปาเชียน อารมณ์ของนางจะไม่ยุ่งเหยิง ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ใคร ๆ ต่างคาดหวัง มันเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดินีก็สั่งการซินเจ๋อ “ถ้าใครถามถึงเหลียนเบ่าเฉิงผู้นั้นล่ะก็ ให้อธิบายไปว่าเค้าประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปและได้ยั่วยุสัตว์ป่าเข้า ทำให้แม้แต่ศพก็ถูกพวกมันกินไปแล้ว”
เขาเป็นแค่ชนชั้นสูงของมหาจักรวรรดิเซี่ย พวกเขาถึงกับฆ่าทูตของแคว้นหยูนตามที่พอใจ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องสนใจชนชั้นสูงของมหาจักรวรรดิเซี่ยด้วยล่ะ ?
แม้กระทั่งตอนที่อู่ฟางเล่าให้จักรพรรดินีฟังเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เหยินปาเชียนใช้ระหว่างการล่าครั้งใหญ่ นางก็สนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยความสามารถของนาง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น จากคำให้การของอู่ฟาง นางก็พอรู้แล้วว่าสิ่งของเหล่านี้ผลิตเป็นจำนวนมากได้ยาก ในกรณีนี้ มันน่าจะดีกว่าการใช้อาวุธอย่างมีดหรือดาบ
แต่ทว่า นักเล่าเรื่องเหยินผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายทีเดียว
สัตว์ขี่ของทุกคนล้วนแต่อยู่ที่ลำธารและได้รับการดูแลจากใครบางคน ในทางกลับกัน นกจ้องเขาของเหยินปาเชียนกลับถูกบังคับให้ออกไปข้างนอกและอยู่ห่างออกไป สาเหตุหลักเกิดจากสัตว์ป่าดุร้ายจำนวนมากที่อยู่ที่ลำธารนั้น ทำให้นกจ้องเขาตัวสั่นเมื่ออยู่ใกล้พวกมัน
เหยินปาเชียนไปที่ด้านหนึ่งของลำธารแล้วทำความสะอาดตัวเองในเวลาสั้น ๆ จากนั้นเขาก็หยิบถุงนอนที่บรรจุชุดข้าราชการออกมา
เมื่อเปลี่ยนเป็นชุดข้าราชการแล้ว ในที่สุดเหยินปาเชียนก็ดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้
เขานอนอยู่บนสนามหญ้าหลังจากเปลี่ยนชุด หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกเรียกตัวให้ไปย่างเนื้อให้กับองค์จักรพรรดินี เขาย่างเนื้อเผื่อตัวเองด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้ผู้คนที่อยู่บนยอดเขาก็ค่อย ๆ ทยอยลงมา ในขณะที่ผู้ชนะสามอันดับแรกของการล่าครั้งใหญ่ก็ถูกเลือกไปพร้อมกัน
ผู้ชนะคือคนที่มีชื่อว่าเถาเหมิ่ง ซึ่งนำเหยื่อที่มีเขาอยู่บนหัวและเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเสือดาว มันถูกเรียกว่าโส่วฉาง จากความเห็นของผู้คน มันมีความเชี่ยวชาญในการปกป้องดอกไม้หายากที่มีหน้าตาประหลาด นอกจากนี้มันว่องไวดั่งสายฟ้าแถมยังแข็งแกร่งอีกด้วย อย่างเช่นเสือเขี้ยวดาบและสัตว์ป่าที่คล้ายกันก็จะเป็นอาหารของมัน
หลายคนได้ไต่ถามเถาเหมิ่งว่าพบสิ่งของดี ๆ บ้างไหม นี่เป็นเพราะถ้าหากทุกคนตามล่าโส่วฉาง คนเหล่านั้นก็จะพกสิ่งที่โส่วฉางปกป้องไว้ในกระเป๋าของตัวเอง
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง คือ ซีว่านหยา เขานำลิงที่มีผมสีทองกลับมาและขนาดลำตัวของมันก็ประมาณ 2 ใน 3 ของขนาดมนุษย์ มันยังมีชีวิตอยู่และติดกับดักของเขาอย่างเหนียวแน่น จากคำพูดของคนอื่น ลิงตัวนี้จัดการได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันเหมือนมนุษย์ ถ้าหากว่าเลี้ยงดูอย่างดี มันก็จะเป็นผู้ช่วยที่ดีในอนาคตได้
รองชนะเลิศอันดับสอง คือ หงเสี้ยน หลานสาวของหงอู่
เหยินปาเชียนมองดูฝูงชนพร้อมกับย่างเนื้อ เมื่อการจัดอันดับถูกยืนยันแล้ว ก็จะถูกส่งไปยังจักรพรรดินี เมื่อนางตอบรับแล้ว ทุกคนก็เริ่มเตรียมอาหารกลางวัน และเก็บข้าวของไปพร้อมกัน
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ทุกคนเริ่มเดินทางกลับ ในบางครั้งก็มีบางคนพูดถึงใครบางคนที่หายไป เหลียนเบ่าเฉิงแห่งตระกูลเหลียนได้หายไป ก่อนหน้านี้มีไม่กี่คนที่คิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับรางวัลของจักรพรรดินี และได้พาพลทหารระดับกงจักรดินขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าสัตว์ ยังไงซะเขาก็มักจะหยิ่งผยอง และไม่แปลกเลยที่เขาจะทำแบบนี้
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ปรากฏตัว และทุกคนก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“เค้าประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปและได้ยั่วยุสัตว์ป่าเข้า เพราะงั้นจึงทำให้ถูกพวกมันกินไปพร้อมกับพลทหารแล้ว” ซินเจ๋อประกาศ
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกกังขาในสิ่งที่ซินเจ๋อพูด แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเหลียนเบ่าเฉิงอยู่แล้ว และต้าเย่าก็ได้อธิบายออกมาแล้ว ใครจะไปสนใจหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเบื้องหลัง เพราะมันเป็นปัญหาของตระกูลเหลียน ไม่มีใครรู้ว่าอาณาเขตและอำนาจของตระกูลเหลียนจะปกปิดการหายไปของเขาโดยไม่ส่งเสียงเลยได้หรือไม่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการปกปิดการหายไป แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นใดที่ดีกว่านี้แล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาต้องการให้ฉีจี่เซียวให้คำอธิบายที่เหมาะสมแก่พวกเขา ?
เมื่อได้ยินสิ่งที่คำพูดของซินเจ๋อ เหยินปาเชียนก็ยืนยันอีกครั้งว่าจักรพรรดินีรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในป่า
มิฉะนั้นซินเจ๋อคงจะไม่พูดแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีได้ยับยั้งปัญหานี้ ท้ายที่สุดซินเจ๋อก็ปรากฏตัวออกมาเพื่ออธิบายโดยตรง ในอนาคต ถ้าหากว่ากำลังจะมีปัญหา ก็จะถูกนำไปยังจักรพรรดินี
ข้อสรุปเช่นนี้ทำให้เขาสามารถถอนหายใจโล่งอกได้ ในอนาคต คงจะไม่มีใครกล้าขุดเรื่องนี้มาพูดอีกแล้ว มิฉะนั้นมันจะเทียบเท่ากับการตบหน้าองค์จักรพรรดินี
ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าตระกูลเหลียนค้นพบความจริงเข้า ถึงแม้ว่าเหยินปาเชียนจะอยู่ในต้าเย่าและตระกูลเหลียนไม่กล้าทำอะไรอย่างโจ่งแจ้ง เขาก็อาจจะประสบปัญหาใหญ่ถ้าหากคนพวกนั้นจ้างนักฆ่ามาหลายคน
เหยินปาเชียนรู้สึกสำนึกในบุญคุณในตอนนี้ มีหัวหน้าเพียงไม่กี่คนที่ยินดีตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของตน แน่นอนว่าเขาไม่ได้เลียแข้งเลียขาผิดคนแต่อย่างใด
ในตอนบ่าย ทุกคนได้กลับไปที่เมืองหลาน ไม่ได้มีผู้คนมากมายมาต้อนรับพวกเขา แต่เมื่อรถม้าของจักรพรรดินีเคลื่อนเข้ามา ในเมืองก็ยังคงมีชนเผ่าจำนวนมากที่คอยให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง
ทุกคนได้มาถึงลานกว้างหน้าพระราชวังแล้ว รถม้าของจักรพรรดินีเคลื่อนตรงเข้าไปในพระราชวังก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
เหยินปาเชียนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับส่วนที่เหลือ และได้ตรงกลับไปที่สวนสัตว์
เมื่อได้เห็นเถียนเถี่ยนและกุ๋นกุ่น เขาก็อุ้มพวกมันขึ้นมาแล้วเอาหน้าถูตัวพวกมัน การที่กลับมาได้นี่มันดีมากจริง ๆ
อึดใจหนึ่ง เหยินปาเชียนผู้ที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเล็บได้นำสิ่งของกลับเข้ามาในห้อง เขายังไม่ได้แม้แต่จะนั่งพักตอนที่เขาถูกเรียกตัวให้เข้าไปในพระราชวัง
“ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกว่าเจ้ากำลังจะเตรียมอาหารสองชุดสินะ ?” จักรพรรดินีถามออกมา
“ใช่ขอรับ” เหยินปาเชียนลดศีรษะลงแล้วตอบกลับ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกสำนึกบุญคุณต่อองค์จักรพรรดินีในตอนบ่าย ในตอนนี้เขาก็ยังสำนึกผิดอยู่ดี
“ถ้าเช่นนั้น ขอเลือกอาหารที่ไม่ธรรมดาก็แล้วกัน คนพวกนั้นกล้ามาก พวกมันกำลังปีนข้ามหัวพวกเราอยู่” จักรพรรดินีพูดออกมาอย่างเฉยเมย
“ขอรับฝ่าบาท” เหยินปาเชียนถอยกลับหลังจากที่เขาตอบรับคำสั่งการของนาง เขาออกไปข้างนอกแล้วสูดลมหายใจยาว ๆ
ทำไมองค์จักรพรรดินีถึงคิดว่าพวกนั้นเป็นสิ่งที่ขัดหูขัดตากันนะ ?
เหยินปาเชียนครุ่นคิดเรื่องนี้มากว่าครึ่งวันแล้ว อาจเป็นเพราะเหลียนเบ่าเฉิงพยายามฆ่าเขารึเปล่า ? เมื่อคิดให้รอบคอบขึ้น มันก็เป็นไปได้มากทีเดียว เมื่อได้ยินจักรพรรดินีบอกว่านางจะไม่ตำหนิเขา นางเองก็น่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนั้น
เหลียนเบ่าเฉิงไม่เพียงแต่มีความกล้าเท่านั้น แต่เขายังท้าทายจักรพรรดินีด้วยการพยายามฆ่าข้าราชการของต้าเย่าต่อหน้าต่อตานาง ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว จักรพรรดินีก็เอาอารมณ์โกรธมาลงกับคนที่เหลืออยู่ดี
เหยินปาเชียนรู้สึกว่าในทุกความเป็นไปได้ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด
หรืออาจมีบางอย่างเกิดขึ้นในวันที่เขากลับไปยังดาวโลกเพื่อซื้อปืนพก เขาเองก็ไม่มั่นใจนัก
อย่างไรก็ตาม ในงานเลี้ยงมีคนใหญ่คนโตของต้าเย่ามาร่วมงานด้วย และจักรพรรดินีก็ไม่ได้สั่งการให้เขาจัดเตรียมอาหารเลี้ยง 2 ชุด เพราะฉะนั้นอาหารที่เสิร์ฟให้กับคนใหญ่คนโตก็จะคล้ายกับของผู้คนจากแคว้นอื่น ๆ เขาต้องปกปิดไม่ให้คนพวกนั้นรู้ว่าตนคือผู้คิดค้นอาหาร มิฉะนั้นแล้ว เขารู้ว่ามันยากที่จะรับประกันได้ว่าชีวิตของตนจะไม่ลำบากขึ้น
ในขณะที่เหยินปาเชียนครุ่นคิด เขาก็มาถึงประตูห้องครัวหลวง เขาอาจหยุดคิดด้วยเช่นกัน ยังไงซะ จักรพรรดินีก็มีคำขาดอยู่แล้ว
เมื่อได้เห็นเหยินปาเชียน ทุกคนในห้องครัวหลวงก็ตะโกนออกมา “ท่านเหยิน”
“อาหารถูกกำหนดแล้ว เป็นชุดที่ 2 ชุดนี้น่าสนใจ จะใช้ในวันพรุ่งนี้ เตรียมส่วนผสมทั้งหมดแล้วรึยัง ?” เหยินปาเชียนถามออกมา
หลังจากได้ยินสิ่งที่เหยินปาเชียนพูด ทุกคนก็เปิดเผยถึงความคาดหวังในการแสดงฝีมือที่ดีขึ้นมา
“มันสามารถส่งมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเลยล่ะ” ผู้ดูแลโกวพูดด้วยเสียงต่ำ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย
หลังจากวันพรุ่งนี้ เขากลัวว่าตนจะมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีในหมู่พ่อครัวจากแคว้นต่าง ๆ