ตอนที่ 106: ทำไมถึงเป็นเจ้าอีกล่ะ
384 Viewsเหยินปาเชียนก่อไฟแล้วย่างชิ้นขาของตัวปา แถมเขายังใช้หินสร้างวงกลมในลำธารด้วย โดยแช่ขาอีกข้างไว้เพื่อให้กลิ่นคาวเลือดถูกชำระล้างไปกับลำธาร เขาวางขาชิ้นนี้ไว้ด้านข้างเพื่อเป็นอาหารเช้าในวันพรุ่งนี้
ส่วนชิ้นอื่น เขาก็โยนมันไปไกล ๆ เผื่อว่ากลิ่นเลือดจะดึงดูดสัตว์หลายชนิดเข้ามา
ณ ตอนนี้ เขาเพียงแค่คิดว่าจะต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้จนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะลงไปจากภูเขา
ส่วนเรื่องตัวเป้ยและเรื่องอื่น ช่างมันละกัน
หลังจากที่ประสบกับการต่อสู้ในตอนนั้น ระดับความอันตรายของสัตว์ป่าในโลกนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในจิตใจของเขา
เขาไม่ใช่อุลตร้าแมนซะหน่อย ดังนั้นจึงไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวเล็กได้เลย
ณ ตอนนี้ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง กองไฟข้างลำธารจึงเปล่งแสง การที่ได้ยินเสียงคำรามก้องกังวาลของสัตว์ป่าในป่านั้น ทำให้เหยินปาเชียนรู้สึกไม่ชอบมาพากลมากทีเดียว
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่เขาก็รู้สึกถึงความน่ากลัวและอันตรายที่ซ่อนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
เขาได้ใช้มีดบั้งที่ขาตัวปาเล็กน้อย หลังจากนั้น เขาจึงโรยเครื่องเทศก่อนที่จะนำไปย่าง
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ กลิ่นหอมของขาตัวปาเริ่มแพร่กระจายไกลออกไป
อู่ฟางซึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ ลูบท้องแล้วกัดผลเบอร์รี่ในมือแน่น ๆ มันคือสิ่งที่เขาเพิ่งได้เก็บเกี่ยวจากบริเวณใกล้เคียง ผลเบอร์รี่มีรสเปรี้ยวมาก มันแทบจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาอิ่มท้องเลย
เขาเริ่มรู้สึกเสียสมดุลทางจิตใจเมื่อได้กลิ่นหอมจากระยะไกล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหยินปาเชียนนั้นอ่อนแอมาก แต่ด้วยความประหลาดใจอย่างหนึ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลยแม้หลังจากที่เขาเดินไปมาในป่าตลอดช่วงบ่าย หลังจากที่ฆ่าคนไป 2 คน เขาก็ยังคงย่างเนื้ออยู่ข้างลำธารอย่างโจ๋งครึ่ม
สำหรับตัวเขาเอง เขาไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถบอกใครได้ด้วย นี่คือสิ่งที่น่าขายหน้าสำหรับเขา นอกจากนี้ อู่ฟางก็ยังต้องเป็นพยานรู้เห็นอีกฝ่ายนั่งกินเนื้อสัตว์ ในขณะที่ตนกินผลเบอร์รี่เป็นอาหารค่ำ
อู่ฟางรู้สึกท้อแท้เมื่อเขาคิดถึงเรื่องทุกอย่าง เพราะไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอในการพิสูจน์มันเลย
ถึงแม้ว่าอู่ฟางจะโศกเศร้า มือของเขาได้ขยับด้วยความเร็วแสงแล้วคว้าอะไรบางอย่างได้ เมื่อเขาแบมือออก ก็มีงูตัวหนา 3 นิ้วอยู่ในมือ เขาออกแรงบีบที่ด้านหลังและลำตัวของงู ซึ่งแต่เดิมมันกลิ้งอยู่บนแขนของเขาให้หล่นลงไป
เขาเอามีดออกมาแล้วผ่างูตั้งแต่หัว เขาลอกหนังออกแล้วดึงเอาลำไส้ออกมา หลังจากนั้น เขาก็ยัดหางของงูลงในปากของเขาโดยตรงแล้วกินเข้าไปในคำนึง โดยจินตนาการว่ามันเป็นเนื้อย่างจริง ๆ
ด้วยความที่กลิ่นหอมนั้นโชยออกมา เหยินปาเชียนยังรู้สึกได้ว่าตนยิ่งรู้สึกหิวมากขึ้น เขาจ้องไปที่เนื้อด้วยความเบื่อหน่าย เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะสนองความหิวของตนเองแล้ว
วันนี้นับว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยล้าสำหรับคนธรรมดาอย่างเขา
ถ้าเป็นไปได้ เขาหวังว่าจะไม่มีแบบนี้อีกครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต
น่าเสียดายที่ในอนาคตซึ่งคาดการณ์ได้นั้น มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพักผ่อนในคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะหลบอยู่บนต้นไม้ ก็ยังคงมีอันตรายอยู่ในป่าแห่งนี้อยู่ดี
การอยู่บนต้นไม้จะทำให้เขาได้รับอันตรายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่เพียงพอที่จะนอนหลับอย่างสงบสุข
มีเสียงฝีเท้าเดินผ่านเข้ามาหลายครั้ง เงาของบุคคลหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น เหยินปาเชียนเล็งปืนไปตรงนั้นโดยตรง “ใครน่ะ ?”
“ท่านผู้รักษาการเหยิน ? ดีจริง ๆ ที่ได้พบท่าน !” หนิงไฉ่เฉินที่แต่งตัวมอมแมมแสดงความดีใจ เขานั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำตาแห่งความตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเหยินปาเชียน
ทำไมถึงเป็นเจ้าอีกล่ะ
เหยินปาเชียนอดคิดแบบนั้นไม่ได้เลย
ป่าขนาดใหญ่เช่นนี้ แต่พวกเราก็สามารถพบกันได้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน
แม้แต่เหยินปาเชียนก็ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
ตลอดที่ผ่านมา เหยินปาเชียนเชื่อเสมอว่าหนิงไฉ่เฉินได้แกล้งทำตัวเป็นหมูที่ต้องการกินเสือ แต่สิ่งที่หนิงไฉ่เฉินแสดงให้เห็นนั้นคล้ายกับตัวเขาเองซึ่งเป็นไอ้ไก่อ่อน ยิ่งไปกว่านั้น มันเห็นได้ชัดที่ร่างกายของเขา มีร่องรอยการผ่านประสบการณ์ที่ท้าทายเนื่องจากเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดรุ่งริ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าสังเวชที่ถูกหมูป่าไล่ตาม แต่สิ่งที่ทำให้เหยินปาเชียนประหลาดใจก็คือ หนิงไฉ่เฉินยังไม่ได้ลงจากภูเขาภายในวันนี้
“ทำไมเจ้ายังไม่ลงจากภูเขาล่ะ ?” เหยินปาเชียนถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางเหล่านี้มาเพื่อรับประสบการณ์แปลกใหม่และจะลงจากภูเขาไปพักผ่อนเมื่อตกกลางคืน
“เมื่อกี้นี้ข้าได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามและลังเลที่จะลงไปน่ะสิ หลังจากนั้นซักพัก ข้าก็ไม่สามารถหาเส้นทางลงเขาได้อีกแล้วน่ะ” หนิงไฉ่เฉินตอบกลับอย่างกระมิดกระเมี้ยน “ท่านผู้รักษาการเหยิน ถ้าหากว่าท่านสนใจ ข้าจะพาท่านไปที่นั่นในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ การดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่นั่นเหมือนกับการได้อยู่บนสรวงสวรรค์เลยนะ”
เหยินปาเชียนไม่สนใจพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก แต่เขาสนใจที่จะลงจากภูเขาและกลับไปยังบ้านที่แสนสบายเพื่อนอนหลับอย่างสงบสุข
“แต่ก็ดีจริง ๆ นะที่ได้พบท่านผู้รักษาการเหยิน” หนิงไฉ่เฉินแสดงความดีใจอีกครั้ง “ตอนแรกข้าคิดว่าข้าจะต้องอดตายในคืนนี้ซะแล้ว ในที่สุดข้าก็เห็นเปลวไฟจากระยะไกลแล้วคิดจะเดินมาดูน่ะ ถ้าหากข้าได้พบใครในป่าดงล่ะก็ ข้าก็จะเกิดการล่อตาล่อใจ แล้วข้าก็จะเข้าไปลองชิม ข้าไม่คิดเลยว่าคน ๆ นั้นจะเป็นท่านผู้รักษาการเหยินน่ะ”
เหยินปาเชียนยังคงย่างเนื้อต่อไป ที่จริงเขาก็ไม่ได้เกลียดหนิงไฉ่เฉินที่ชอบขี้โม้โอ้อวดหรอก
ยังไงซะ หนิงไฉ่เฉินก็เป็นคนที่ง่ายที่จะตกลงด้วย แถมเขายังไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายโกรธที่เมืองหลานด้วย ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้ายเขา
นอกจากนี้ การมีเพื่อนในกลางคืนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกดีมากทีเดียว ยังไงซะ มนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนุกกับการพบปะกับผู้คนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเต็มใจที่จะอยู่คนเดียวในป่าดงพงไพร
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องฟังเรื่องไร้สาระของหนิงไฉ่เฉินตลอดทั้งคืน เขาก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนอีกฝ่ายที่แกล้งทำเป็นหมูกินเสือนั้น มันก็ไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป
พวกเขาจ้องไปที่ขาตัวปาซึ่งกำลังจะสุก แม้สำหรับคนสองคน ชิ้นขาตัวปาก็แบ่งได้มากมากเกินพอ แต่ทว่า มันก็ไม่ใช่ประเด็นสำหรับพวกเขาถ้าหากพวกเขาอิ่มอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ควรกังวลกับการย่างขาตัวปาที่จมอยู่ในลำธาร มันเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะทำเช่นนั้น ในตอนนี้ ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว และเป็นการดีที่พวกเขาจะทำอาหารให้เสร็จแล้วกลับไปที่ต้นไม้เพื่อหลบซ่อน
พวกเขาทั้งคู่รอคอยอย่างอดทนเป็นเวลานานก่อนที่เหยินปาเชียนจะดึงขาตัวปาที่สุกแล้ว กลิ่นหอมหวนทำให้ทั้งสองคันเริ่มที่จะกัดแทะเนื้อ
เมื่อขาตัวปาเย็นลงเล็กน้อย ทั้งสองคนก็เริ่มฉีกเนื้อแล้วยัดเข้าไปในปากโดยไม่พูดอะไรอีกเลย มันมีรสชาติเหมือนเนื้อสุนัขและมีกลิ่นหอมมาก
หลังจากนั้นไม่นาน ขาตัวปาทั้งหมดก็ถูกพวกเขาทั้งสองกินไป จากนั้นพวกเขาก็นอนอยู่บนแผ่นหินริมตลิ่งแล้วถอนหายใจอย่างสบายใจเฉิบ
“ท่านผู้รักษาการเหยิน ทักษะการทำอาหารของท่านเนี่ยยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยนะ” หนิงไฉ่เฉินนอนอยู่ด้านข้างและกล่าวยกย่องเหยินปาเชียน
เหยินปาเชียนยิ้มและไม่ตอบสนองอะไรต่อคำชมของเขา ไม่ใช่ว่าทักษะการทำอาหารของเขาดี แต่เครื่องเทศต่างหากที่ดี นอกจากนี้ คุณภาพของเนื้อสัตว์ในโลกนี้ก็ยังดีกว่าบนดาวโลกอีกด้วย มันคล้ายคลึงกับแพะตัวใหญ่ยักษ์ที่เขาทำมาก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
เมื่อนอนลงไปได้ไม่กี่นาที เสียงสัตว์คำรามก็ยังคงดังมาจากที่ห่างไกล เสียงคำรามบางส่วนอยู่ใกล้และบางส่วนอยู่ไกล จากที่ที่มีเสียงใกล้ระยะประมาณ 300-400 เมตร
เหยินปาเชียนลุกขึ้นจากพื้น “ข้าจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ไปพักผ่อนนะ”
เมื่อเขาพูดจบประโยค เขาก็เพิ่มกิ่งไม้จำนวนหนึ่งลงในกองไฟ เขาหวังว่ากองไฟจะเผาไหม้เป็นระยะเวลานาน
เขาหันกลับไปแล้วเดินไปที่ด้านล่างของต้นไม้ เหยินปาเชียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็สบถออกมาทันที “แม่จ้าว”
มีงูอยู่หลายตัวบนต้นไม้ต้นนั้น
เหยินปาเชียนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีสิ่งของเรียกงูรึไงกัน งูไปทุกที่ที่เขาไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังรอให้เขาออกไปก่อนที่จะเข้ายึดครองพื้นที่ของเขา
“แม่ของข้าทำไมเหรอ ?” หนิงไฉ่เฉินสงสัย
“แม่ของเจ้าเป็นคนดี” เหยินปาเชียนตอบกลับโดยไม่ได้หันหน้า จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางอื่นเพื่อค้นหาต้นไม้ต้นที่เหมาะสมที่เขาสามารถอยู่ได้ทั้งคืน เขาเห็นต้นไม้ที่เหมาะสมเพียงไม่กี่ต้นในตอนนี้
เหยินปาเชียนไม่กังวลเกี่ยวกับหนิงไฉ่เฉินที่อยู่ข้างหลัง เขาเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามและพบต้นไม้ที่เหมาะสมอีกต้นหนึ่งเพื่อหลบซ่อน ในที่สุด ตอนที่เขาเดินไปใต้ต้นไม้ เขาก็ได้ยินเสียงขู่
เหยินปาเชียนตกใจแทบตาย ทำไมเขาถึงโชคไม่ดีแบบนี้ล่ะ ? ต้นไม้ต้นที่เขาคิดว่าเป็นต้นไม้ที่ดีก็ดันมีงูอยู่ด้วยเช่นกัน
ข้าไม่ใช่สี่เซียนสี่เซียนซักหน่อย ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับข้าล่ะ ?
[สี่เซียน คือตัวละครหลักในตำนานจีนเรื่องนางพญางูขาว]
ด้วยการอาศัยแสงจันทร์ เขาได้พบต้นไม้ 3 ต้นที่เหมาะสมในการหลบซ่อน นอกจากนี้ ยังมีงูมากกว่าหนึ่งตัวอีกด้วย