ตอนที่ 101: คนหลอกลวง
353 Views“เจ้าอยากได้อะไร ? ข้าสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่ข้าสามารถให้ได้” เหยินปาเชียนก้าวถอยหลัง หน้าของเขาดูวิตก แต่เขาก็ยังไม่ได้เหนี่ยวไกหน้าไม้
เขามีแค่ลูกเดียว ถ้าหากเขายิงพลาดไป เขาก็จะเสียโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะโจมตีอีกฝ่าย
“ข้าจะรู้สึกดีมากถ้าเจ้าตาย” มีรอยยิ้มบนหน้าของเหลียนเบ่าเฉิง จากรูปลักษณ์ของเหยินปาเชียน เขาเหมือนกระต่ายที่ถูกต้อนให้จนมุม
ถึงแม้ว่าเขาจะมีหน้าไม้ก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่สามารถข่มขู่อีกฝ่ายได้เลย
เหยินปาเชียนขบฟันแน่นแล้วเหนี่ยวไกออกไป ลูกธนูพุ่งไปยังพลทหาร
เหลียนเบ่าเฉิงเป็นผู้สั่งการ และพลทหารก็เป็นมีดของเขา ถึงแม้ว่าเหยินปาเชียนจะฆ่าเหลียนเบ่าเฉิงได้ พลทหารก็คงจะฆ่าเขาอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เหยินปาเชียนอาจจะไม่สามารถฆ่าพลทหารได้
“แคร๊ง !”
แสงสีขาวแว้บผ่านมีดเหล็กในมือของพลทหาร ลูกธนูแฉลบออกจากมีดของเขา
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าที่ดูวิตกของเหยินปาเชียนก็ทวีความรุนแรงขึ้น
“ข้าสามารถให้อะไรบางอย่างกับเจ้าเพื่อแลกกับชีวิตของข้าได้นะ !” เหยินปาเชียนตะโกนออกมา
“ข้าไม่อยากได้ของของเจ้าหรอก ข้าอยากได้ชีวิตของเจ้ามากกว่า” เหลียนเบ่าเฉิงตอบและยิ้มอย่างชั่วร้าย ในตอนนี้ เขาไม่รีบฆ่าเหยินปาเชียน เขาอยากจะเห็นสีหน้าที่ดูวิตกของเหยินปาเชียนมากกว่า
เขาสนุกกับการที่ได้เห็นสีหน้าของคนที่กดขี่ผู้อื่น
“เจ้าไม่คิดบ้างหรอว่าข้ากับเจ้าชายที่เจ็ดมีหน้าตาเหมือนกันน่ะ ?” เหยินปาเชียนรีบตะโกน
“ข้ารู้ความลับของเจ้าชายที่เจ็ดนะ ข้าขอใช้ความลับนี้แลกกับชีวิตของข้า เจ้าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายนับไม่ถ้วนได้จากความลับนี้ เค้าจะยอมรับในสิ่งที่เจ้าต้องการ” เหยินปาเชียนพูดต่อ
“หยานเวย !” เหลียนเบ่าเฉิงห้ามหยานเวยล่วงหน้าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หน้าของเขาบึ้งตึง
ณ ตอนนี้ หยานเวยอยู่ห่างจากเหยินปาเชียนไม่ถึง 10 ก้าว
“จงบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้มาซะ” เหลียนเบ่าเฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โหดร้าย ในตอนนี้ เขากำลังวางแผนอยู่ในใจ
เป็นไปได้มั้ยว่าเจ้าชายที่เจ็ดไม่ใช่พระราชโอรสทางสายเลือดของพระองค์น่ะ ? เป็นไปไม่ได้หรอกน่า… มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกันล่ะ ?
ถึงยังไงก็เถอะ เหยินปาเชียนนั้นมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าชายที่เจ็ด ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เหลียนเบ่าเฉิงไม่เคยเห็นเจ้าชายที่เจ็ดมาก่อนเลย เมื่อสองวันก่อน เขาแวะไปหาเจ้าชายที่เจ็ดแล้วก็ได้เห็นลักษณะภายนอกของเขา เขาถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกทีเดียว
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเหยินปาเชียน เขาจึงเริ่มสับสนกับตัวเองอยู่ในใจ
มีความเป็นไปได้มั้ยว่าเจ้าชายที่เจ็ดจะมีพี่น้องฝาแฝดที่พัดพรากจากกันมานาน ?
ถ้าเป็นกรณีนี้ เหยินปาเชียนก็ยิ่งไม่สามารถอยู่ได้
“เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะไว้ชีวิตข้า” เหยินปาเชียนพูดออกมาพร้อมกับหายใจหอบอย่างหนัก เขาดูวิตกมากทีเดียว
“นั่นคือกรณีที่ข้อมูลที่เจ้าให้มานั้นมีค่า อันที่จริงแล้ว เจ้ามีทางเลือกอยู่ ถ้าเจ้าไม่บอกข้าว่ามันเป็นมายังไง เจ้าก็ต้องตาย ในตอนนี้ มีแค่พวกเรา 3 คนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว” เหลียนเบ่าเฉิงมองมาที่เหยินปาเชียนแล้วพูดออกมา
สีหน้าที่กำลังดิ้นรนปรากฏขึ้นบนหน้าของเหยินปาเชียนในขณะที่เขามองไปที่เหลียนเบ่าเฉิงและหยานเวย
“ถ้าเจ้าไม่ยอมบอกข้า เจ้าก็จะตายเดี๋ยวนี้ล่ะ” เหลียนเบ่าเฉิงกดดันเหยินปาเชียน
“เจ้าชายที่เจ็ดน่ะไม่ใช่บุตรทางสายเลือดองค์จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิเซี่ย” เหยินปาเชียนกัดฟันตอบ
“บ้าน่า มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ?” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหลียนเบ่าเฉิงก็ไม่สามารถรักษาความสงบบนหน้าของตนได้เลย ในตอนนี้ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ข้ามีหลักฐาน” เมื่อพูดจบ เหยินปาเชียนก็โยนหน้าไม้ลงบนพื้น จากนั้นเขาก็หยิบลูกบอลรูปไข่สีเขียวเข้มที่มีฝาปิดสีดำออกมา แล้วถือไว้ในมือขวา เหยินปาเชียนพูดต่อ “หลักฐานอยู่นี่แล้ว ข้าจะมอบให้กับเจ้าแล้วเจ้าต้องปล่อยข้าไปจากที่นี่ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้รั่วไหลออกไป ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของข้า ข้าจะทำลายมันทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ในขณะที่เหยินปาเชียนกำลังพูดอยู่ เม็ดเหงื่อได้ซึมออกมาตามหน้าผาก เมื่อเหลียนเบ่าเฉิงเห็นสีหน้าของเขา เหลียนเบ่าเฉิงก็รู้ว่าเขากลัว เหยินปาเชียนนั้นกลัวจริง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะเหลียนเบ่าเฉิงหรอก เขากลัวสิ่งที่อยู่ในมือเกิดระเบิดขึ้นมา ถึงแม้ว่าลูกระเบิดจะไม่ระเบิดถ้าหากเขายังไม่ดึงสลักออก เขาก็ยังกลัวอยู่ดี ถ้าหากว่ามีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เขาก็จะโดนระเบิดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลยทีเดียว
ทันใดนั้นเอง เหลียนเบ่าเฉิงก็หัวเราะพร้อมกับมองไปที่เหยินปาเชียน “เจ้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสที่จะทำลายมันทั้งที่หยานเวยห่างจากเจ้าแค่ 10 ก้าวเนี่ยนะ ?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ การแสดงออกทางสีหน้าของเหยินปาเชียนก็เปลี่ยนไป “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาสิ่งนี้ไปได้ง่าย ๆ รึไง ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ของสิ่งนี้ประกอบด้วยสองชั้น ชั้นในมีหลักฐานบรรจุอยู่ ส่วนชั้นนอกมีน้ำกรด ถ้าหากข้าทิ้งลงบนพื้น น้ำกรดก็จะกัดกร่อนหลักฐาน ตอนนี้เจ้าเลือกได้แล้ว ว่าเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้าหรือเจ้าต้องการความลับสุดยอดนี้”
เมื่อเหลียนเบ่าเฉิงได้ยินคำพูดของเหยินปาเชียน เขาจึงครุ่นคิด หลังจากนั้นสักพัก เขาก็พยักหน้าแล้วตอบกลับ “ตกลง ข้าจะยอมรับข้อเรียกร้องของเจ้า ส่งมาให้ข้าซะแล้วเจ้าก็ไปได้”
“จงสัญญามา ว่าเจ้าจะปล่อยข้าไปแล้วเจ้าจะต้องไม่ทำอะไรกับข้าในวันนี้” เหยินปาเชียนพูดออกมา
“ตกลง ข้าสัญญา” ปากของเหลียนเบ่าเฉิงฉีกเป็นรอยยิ้ม
ณ บนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล มีคนกำลังเฝ้าสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น สีหน้าของเขาดูลังเล เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะไปฉกฉวยสิ่งนั้นมาหรือไม่ ความลับนี้สมควรมอบแด่องค์จักรพรรดินี
จากการแสดงออกทางสีหน้าของเหลียนเบ่าเฉิง อู่ฟางนั้นรู้ได้เลยว่าเขาไม่ได้สัญญากับเหยินปาเชียนอย่างจริงจัง อู่ฟางรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อนักเล่าเรื่องเหยินได้มอบสิ่งของให้กับเหลียนเบ่าเฉิงแล้ว เหลียนเบ่าเฉิงก็กะจะฆ่าเขาทันที
เขารู้สึกว่าเหยินปาเชียนนั้นโง่เขลาจริง ๆ ที่ไปเปิดเผยความลับดังกล่าว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาคนนั้นก็จะไม่ปล่อยให้เหยินปาเชียนมีชีวิตอยู่เนื่องจากความลับนี้สำคัญมาก
เหยินปาเชียนกัดฟันไว้ ทันใดนั้นเอง เขาก็ยกมือขึ้นแล้วปาวัตถุสีเขียวไปยังเหลียนเบ่าเฉิง จากนั้นเขาก็หันหลังวิ่งไป
หยานเวยกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วใช้มือรับวัตถุสีเขียว แล้วรอยยิ้มอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาในทันที เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหนีไปได้งั้นเรอะ ?
“เอาสิ่งนั้นมาให้ข้าแล้วไปฆ่ามันซะ” รูปลักษณ์ที่ปลาบปลื้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเหลียนเบ่าเฉิง ถ้าหากว่าสิ่งที่เหยินปาเชียนพูดออกมาเป็นความจริงล่ะก็ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเสียสุดยอดกงจักรดินไปล่ะก็ เขาก็สามารถชดใช้ตัวเองด้วยความลับนี้ได้
ในตอนนั้นเอง เรือนร่างสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วกระโจนเข้าหาหยานเวย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม อู่ฟางก็ต้องคว้าหลักฐานมาให้ได้ เรื่องนี้มันสำคัญมาก เขาไม่สนใจถึงแม้ว่าเขาจะต้องเปิดเผยตัวตนก็ตาม
ในขณะที่วิ่งหนีไป เหยินปาเชียนก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหลัง เขานับถอยหลังกับตัวเอง “1..2..3..”
ทันใดนั้นเอง เขาก็พุ่งลงไปที่พื้น
ลางสังหรณ์ได้เกิดขึ้นในใจของหยานเวยเมื่อเขาจับวัตถุสีเขียว ในขณะเดียวกัน เขาก็รับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังพุ่งมาหาตนจากในป่า ทันใดนั้นเขาก็หันกลับแล้วชูมีดไปทางคนคนนั้น
“เจ้าเป็นใคร…”
“ตู้มมม !”
วัตถุสีเขียวในมือของหยานเวยเกิดระเบิดขึ้นในทันที พร้อมด้วยเศษระเบิดนับไม่ถ้วน คลื่นลมแรงและเปลวไฟพัดผ่านบริเวณโดยรอบ
ร่างกายของหยานเวยถูกระเบิดขึ้นไปในอากาศด้วยแรงระเบิด ในขณะที่มือซ้ายของเขาหายไป ร่างของเขาโดนเศษระเบิดนับไม่ถ้วน ร่างของเขาตกลงสู่พื้นราวกับหุ่นกระบอกไม้ที่แตกหัก ปราศจากชีวิตโดยสิ้นเชิง
ลำตัวส่วนบนส่วนใหญ่ของเขาหายไปราวกับตุ๊กตาที่มอมแมม เขาเสียไปแม้กระทั่งครึ่งหัวเลยทีเดียว
เหลียนเบ่าเฉิงกลัวจนตัวแข็งทื่อด้วยการระเบิด เขาเอามือกุมหัวแล้วล้มก้นกระแทกพื้น
อู่ฟางพยายามหมุนตัวกลางอากาศแล้วบินไปที่ต้นไม้ใกล้กับหยานเวย เขาถีบต้นไม้แล้วบินกลับเข้าไปในป่า ภายในไม่กี่วินาที เขาก็หายตัวไปในร่มเงาของต้นไม้
เมื่อมั่นใจว่าได้หลบพ้นสายตาของทุกคนแล้ว อู่ฟางจึงตรวจร่างกายของตน ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ไกลจากการระเบิด แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบอย่างมากอยู่ดี มีเศษระเบิดเล็กน้อยตามตัว เศษระเบิดนั้นเร็วมากแถมยังอยู่ใกล้กับเขามากด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะหลบมันได้ โชคดีที่เศษระเบิดเจาะเพียงผิวนอกเท่านั้น
“คนหลอกลวง” อู่ฟางกัดฟันพูดออกมา จากนั้นเขาก็ดึงเอาเศษระเบิดชิ้นใหญ่สองชิ้นออกจากร่างกาย ในขณะเดียวกัน เขาก็ฉีกเสื้อของตนออกมาหลายชิ้นแล้วทำการพันแผล
ถ้าหากว่าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเหยินปาเชียนนั้นเป็นคนหลอกลวง เขาก็จะเป็นคนโง่เขลา ก่อนหน้านี้ เขายังคิดอยู่เลยว่าเหยินปาเชียนนั้นโง่เขลา แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าตนนั่นแหละที่โง่เขลา แถมเขายังรู้สึกโกรธแค้นที่ถูกหลอกอีกด้วย
หลังจากที่เหยินปาเชียนพุ่งลงมาที่พื้นแล้ว เขาก็หันกลับไปมองข้างหลัง แน่นอนว่าเขาเห็นหยานเวยลดขนาดลงจนดูเหมือนถุงกระสอบที่ดูมอมแมม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วหยิบปืนพก แล้วเขาก็เดินไปทางเหลียนเบ่าเฉิงพร้อมกับขบฟันแน่น
เจ้าต้องการฆ่าข้างั้นสินะ ? มาดูกันว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่จะโดนฆ่า