บทที่ 56 ผู้ปรารถนา
887 Viewsบทที่ 56 ผู้ปรารถนา
นอกจากนี้ จะต้องคำนึงถึงอาวุธสมัยใหม่โดยจะมีให้เห็นไม่ว่าจะเป็นปืน ระเบิด หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถฆ่าเป่ยเฟิงได้ทันทีที่เขาประมาท
ในสมัยราชวงศ์ฉิง โรงเรียนทั้งหมดจะทุ่มเทความสนใจแต่เรื่องการต่อสู้เท่านั้น ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะทำให้องค์จักรพรรดิ์สนใจตนเอง ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่โด่งดังจำนวนมากมาจากราชวงศ์ พวกเขาจะคอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักวิชาการทั้งหลาย โดยไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใด
แต่การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน รวมทั้งการปรากฏตัวของปืนและอาวุธทำลายล้าง ทำให้คนที่เต็มใจจะเดินทางไปในเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ลดลงไปมาก ขณะเดียวกันพวกที่เหลือก็ได้กระจายหลบมุมมืด
ทักษะการต่อสู้ที่ผู้เชี่ยวชาญอุทิศชีวิตของเขาเพื่อความสมบูรณ์แบบและการฝึกฝนที่ยากลำบาก สลายไปในทันทีเพื่อพบกับทหารใหม่ที่ฝึกมาเพียง 1 ปีพร้อมกับอาวุธปืนในมือของเขา .. การเยาะเย้ยนี้มันคืออะไรกัน !
สิ่งนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างมากสำหรับผู้ที่เบื่อเส้นทางนี้ แต่มันคือโศกนาฎกรรมที่คอยทำลายโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ !
แน่นอนว่าเป่ยเฟิงสามารถบอกได้ถึงการคงอยู่ของพวกเขาตอนนี้นั่นเหมือนกับวัวใหญ่ที่นั่งอยู่ในอยู่ในบ้าน พวกเขายังไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเพียงแค่ซ่อนตัวให้ลึกมากกว่าก่อนหน้านี้เท่านั้น
เป่ยเฟิงมองไปที่นาฬิกาบนผนัง ตอนนี้ 8 โมงเช้า ได้เวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว เขาลุกขึ้นมาล้างหน้าก่อนจะทำธุระส่วนตัวหน้ากระจก จากนั้นจึงเดินออกมาจากโรงแรม
‘ขอทาน ? ไม่สิ หรือจะเป็นพวกแก๊งอันธพาล ?’
เป่ยเฟิงยืนอยู่บนสะพาน เขามองด้วยสายตาเศร้าหมองไปที่ทะเลฝูงชนบนถนนที่วุ่นวาย
‘ลืมมันไปซะ ขอทานเขาเป็นแค่คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเท่านั้น พวกเขาไม่เคยทำอะไรน่ารังเกียจต่อพระเจ้าและผู้คน มันไม่ดีที่จะไปยุ่งกับชีวิตที่น่าเศร้าของพวกเขา …’
เป่ยเฟิงคิดลึก ๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันหลังออกไปจากขอทานที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่งที่นั่งอยู่ตรงริมถนน
‘หรือฉันจะเอาพวกนักเลงท้องถิ่น ?’
เมื่อตกดึก ไปเฟิงก็นั่งอยู่ในบาที่ถูกซ่อนอยู่ในเมือง ภายในเต็มไปด้วยควันบุหรี่ มีกลุ่มคนที่มีรอยสักนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ในบางครั้งพวกมันก็หัวเราะออกมาดัง ๆ
‘บางทีฉันน่าจะไปตามหาแถวถนนจะดีกว่า …’
เป่ยเฟิงถอนหายใจ แล้วเดินออกมาจากบาร์
จากนั้นเขาก็เดินวนเวียนอยู่ในเมืองเป็นเวลาสามวัน เขาไม่สามารถหาได้แม้แต่คนเดียวที่ถูกใจเขา
โดยไม่รู้ตัว เขาได้เดินมาพื้นที่ช้อปปิ้งที่ดูหรูหรา มันมีร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมมากมาย
“พี่สาว คุณสวยมาก ! ฉันต้องการให้ดอกไม้นี้กับคุณ !”
โจวหลินกำลังออกเดทกับแฟนหนุ่มของเธอ ซุนเกียง ทั้งคู่เพิ่งทานอาหารค่ำและกำลังจะไปดูหนัง ในตอนนั้นได้มีเด็กสาวน่ารักอายุประมาณ 10 ขวบ เดินเข้ามาหาเธอ เด็กสาวนั่นถือดอกกุหลาบไว้ในอก
“ว้าว ดอกกุหลาบสวยจัง ! ขอบคุณนะ สาวน้อย !”
โจวหลินรับดอกกุหลาบด้วยมือทั้งสองดอก จากนั้นก็ได้ลูบหัวสาวน้อยแล้วหันไปคุยกับซุนเกียง
“พี่ชาย หนูให้ดอกไม้กับพี่สาวแล้วนะ ทำไมพี่ยังไม่จ่ายเงินหนูอะ ?”
เด็กสาวตัวน้อยหันไปดึงเสื้อซุนเกียง แล้วถามด้วยความใสซือ
“สาวน้อย นี้ไม่ใช่ดอกไม้ของขวัญจากเธองั้นเหรอ ?”
โจวหลินถามด้วยความสงสัย
“ใช่ แต่พี่ชายบอกจะจ่ายให้หนู”
สาวน้อยยังคงจับเสื้อของซุนเกียงไม่มีท่าทีจะปล่อย
“แล้ว … เท่าไหร่ ?”
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ซุนเกียงจึงถามด้วยใบหน้าเจ็บปวด
“20 หยวนสำหรับดอกเดียว สองดอกก็ 40 หยวน”
ซุนกียงรู้สึกใบหน้ารู้สึกหน้าชา เมื่อได้ยินเสียงหวาน ๆ ของสาวน้อยคนนี้ในหู
“เสียวหลินซี เอาดอกไม้ให้เธอคืนไป”
ซุนเกียงไม่พอใจ นี่มันไร้สาระ ! สาวน้อยคนนี้คิดว่าเขาเป็นไอ้โง่ ? หรือคิดว่าเขาเป็นกระเป๋าเงินเดินได้ ?
เขาจะไม่พูดอะไรและมอบเงินให้สาวน้อยคนนี้ได้ถ้าหากว่ามัน 3-4 หยวนต่อดอก แต่นี้มันราคาถึง 40 หยวน ! ดอกกุหลาบพวกนี้มันไร้สาระ !
“สาวน้อย ฉันจะคืนดอกไม้ให้เธอ ฉันไม่ต้องการมันอีกแล้ว ดีไหม ? เธอปล่อยเสื้อพี่ชายได้แล้ว ตกลงไหม ?”
โจวหลินเดินเข้าไปหาเด็กน้อย แล้วมอบดอกไม้คืนพร้อมกับถามเบา ๆ
“ไม่มีทาง พวกคุณเอาดอกไม้ไปแล้ว มันเป็นของพวกคุณ !”
ไม่เพียงแต่เธอไม่ยอมปล่อยซุนเกียงไป กลับกันเธอกำมันแน่นยิ่งขึ้น
เธอมองด้วยความแข็งกร้าวไปที่โจวหลิน
‘ทำไมมันถึงดูน่ากลัวจัง !’
โจวหลินเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
มันไม่รู้ว่ามันทำไมเป็นแบบนี้ แต่ในตาของสาวตัวน้อยนั้นเต็มไปด้วยความไม่แยแสและเกลียดชัง ดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดทุกอย่างในโลกใบนี้
“ซุนเกียง ทำไมเราไม่ …”
“ไม่มีทาง ! เอาดอกไม้ให้เธอแล้วพวกเราก็ไปกันได้แล้ว ! ถ้าเธอชอบมัน ผมจะไปหาร้านที่ขายดอกไม้แล้วซื้อพวกมันให้ทีหลัง !”
อารมณ์ของซุนเกียงตอนนี้ดูโมโหอย่างมาก เขาคว้าดอกไม้จากโจวหลินแล้วปาไปตรงหน้าสาวน้อย
“ฉันขอเตือนแก อย่าตามเรามา !”
จากนั้นเขาก็ดึงมือของสาวน้อยออกไป แล้วดึงโจวหลินจากไป
“ซุนเกียง ฉันคิดว่าสาวน้อยคนนั้นอาจจะถูกบังคับจากใครบางคนให้มาขายดอกไม้ก็ได้ เธอจะไม่ถูกทำร้ายหรอถ้าเธอขายมันไม่ได้ ?”
โจวหลินถามด้วยความโกรธ
“อะไร ? มันมีคนโชคร้ายจำนวนมากในโลกนี้ เธอคิดว่าเธอจะช่วยทุกคนได้ ? พวกมันอาจเป็นพวกหลอกหลวงก็ได้ พวกมันพยายามจะหลอกคนที่ใจดีเหมือนเธอไง !”
ซุนเกียงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อมองไปที่แฟนสาวไร้เดียงสาของเขา
โจวหลินไม่ได้ปฏิเสธ เธอเพียงแค่ลดหัวลงด้วยความเศร้า แล้วทั้งคู่ก็เดินหายไปในฝูงชน
เหลือแต่เพียงเด็กหญิงตัวน้อย ๆ เธอหยิบดอกไม้ขึ้นมาจากพื้นด้วยความรู้สึกหนักใจบนใบหน้าของเธอ
“เอามาให้ฉันทั้งสองดอก”
เสียงเบา ๆ มีร่างสูงปรากฏตรงหน้าของเด็กน้อย เขายื่นมีอที่มีแบงร้อยหยวนออกมา จากนั้นจึงได้ยื่นให้สาวน้อย
ความรู้สึกแปลก ๆ ปรากฏในตาของสาวน้อย เธอเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าเธอ เธอรีบคว้าเงินแล้วยื่นดอกกุหลาบทั้งสองดอกให้ชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ก้มหน้าอีกครั้ง ราวกับว่าเธอไม่มีทอน
เป่ยเฟิงยิ่มเบา ๆ เขาไม่ได้คิดอะไรเลยในขณะที่หยิบดอกกุหลาบทั้งสองดอก เขาเดินไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ จากนั้นก็จิ๊บกาแฟร้อนของเขาต่อ
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาตัดสินใจซื้อดอกกุหลาบทั้งสองดอกในราคา 100 หยวน ไม่ใช่เพราะเขาจะแสดงความมั่งคั่งของเขา จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนขึ้เหนียวอย่างมาก แต่เป่ยเฟิงรู้สึกสงสารสาวน้อยคนนั้น
เขารู้ว่าหากเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจากปู่ของเขา ปัจจุบันเขาอาจจะเป็นอะไรที่เลวร้ายว่าสาวน้อยคนนี้ก็ได้
แต่เหตุผลหลักที่เขายืนมือไปช่วยก็เพื่อประโยชน์ที่จะได้เจอกับผู้ปรารถนาอันสมบูรณ์แบบของเขา
ไม่ใช่เด็กน้อยที่ขายดอกไม้ แต่เป็นผู้ที่ปรารถนาที่เขาใช้เวลาในการตามหามานาน คน ๆ นั่นคือคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สาวน้อยในตอนนี้
“นังเด็กโง่ ทั้งวันแกขายได้แค่นี้ ? ชิ มันไม่พอที่จะเอาไปเล่นไพ่นกกระจอกด้วยซ้ำ !”
ชายดูที่ดูหยาบคาบแสดงความไม่พอใจ จากนั้นก็ขโมยเงิน 100 หยวนไปจากสาวน้อย
“ทำงานให้มากขึ้น อย่าคิดอะไรโง่ ๆ เข้าใจไหม ? ถ้าแกเอามาให้ฉันอีก 300 หยวน ในคืนนี้ ฉันอาจจะเพิ่มไข่ในอาหารเย็นให้แกเอง”
หลังจากที่ได้เงินแล้ว เขาก็แสดงออกอย่างพึงพอใจบนหน้าของเขา
เวลาผ่านไปคนบนถนนก็เริ่มน้อยลง ตอนนี้เวลา 22.00 น. เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงขายดอกไม้ไม่ออก เธอหันหลังเตรียมจะจากไป
เมื่อเห็นเรื่องนี้ เป่ยเฟิงก็เรียกเก็บเงินแล้วเดินออกจากร้านกาแฟ เขาเดินตามสาวน้อยจากไกล ๆ
หลังจากที่เป่ยเฟิงเดินตามสาวน้อยมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าไปในเขตสลัมเล็ก ๆ
ตึกที่นี่สกปรกและเหม็นอย่างมาก มันถูกสร้างเมื่อสิบปีก่อน โดยในทุกปีจะมีนักการเมืองออกมาประกาศว่าจะทุบตึกหลังนี้ทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่ให้พวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแผนการดังกล่าวยังไม่มีท่าทีว่าจะใกล้เสร็จแม้แต่น้อย
พื้นที่ตรงนี้มีประชากรเป็นแรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ เพราะว่าค่าเช่าห้องที่นี่ต่ำอย่างมาก
เป่ยเฟิงเดินตามสาวน้อยไป จากนั่นเขาก็พบกับเด็กชายอีกหลายคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน เด็กพวกนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศเศร้าหมอง โดยในระหว่างที่พวกเขาเดินไป ไม่มีแม้คำพูดหรือการทักทายซักคำ
อุณหภูมิรอบ ๆ ไปเฟิงหนาวลงเล็กน้อย เขาเดินต่อไปด้วยความเงียบ
จากนั้นพวกเด็ก ๆ ก็มาถึงบ้านเก่า ๆ พวกเขาลังเลก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปในประตูบ้าน จากภายนอกเป่ยเฟิงสามารถได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากบ้าน
“แกจะร้องไห้ทำไม ? ฉันจะตีขาแกให้หัก ถ้าแกยังร้องไห้ !”
เสียงที่หนาวเย็นดังออกมาจากชายคนหนึ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียง เสียงร้องไห้ก็เบาลง
“เงินที่พวกแกเอากลับมานี้มันน้อยลง น้อยลง ทั้งวันพวกแกได้กันแค่ 3,000 หยวน พวกแกนี้มันไร้ประโยชน์จริง ๆ
ในร้านเล็ก ๆ มีชายนั่งนับจำนวนเงินอยู่
“ลูกพี่ ผมว่าเราขายไอ้เด็กพวกนี้สำหรับใครที่มันขายดอกไม้ไม่ได้ดีไหม ?” คนที่รอยย่นตรงริมฝีปากและมีคางเหมือนลิงพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ไอ้โง่ ! แกปัญญาอ่อน ? แกคิดว่าจะมีใครซื้อเด็กโต ๆ แบบนี้กัน ?” ชายอีกคนสวนกลับมาทันที
“ผมคิดว่าเราน่าจะหักแขนหรือขาพวกมัน แล้วปล่อยให้พวกมันขอทานแทนก็ได้” หลังจากนั่นเขาก็เงยหน้าแล้วหันไปมองพวกเด็ก ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
“ปัง ปัง !”
ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบทันที ที่ได้ยินเสียงเคาะประตู
คนที่พูดเมื่อครู่รีบวิ่งไปที่ประตูแล้วมองผ่านรอยแยก อย่างไรก็ตามบนถนนนั้นมืดเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะได้
“บูม !”
ชายคนนั้นถูกส่งตัวกลับมาเข้าไปในบ้านพร้อมด้วยเศษซากประตูไม้ที่ถูกทุบออกมาจากภายนอก
ไอ้โง่ผู้โชคร้ายที่ถูกส่งตัวมาหมดสติทันที
“น้องพี่ ! ไปจัดการมัน !”
เสียงคำสั่งดังออกมาจากในกลุ่มเมื่อมองไปที่ชายผู้ที่ยืนอยู่ตรงประตูคนเดียว