ตอนที่ 189: ชื่อเสียงของคนให้ความคุ้มครอง
95 Views“ฮวาซ่านหลิว ออกมาซะ !” เสียงอันเยือกเย็นของผู้หญิงชุดแดงที่ยืนอยู่บนซุ้มประตูดังลั่นไปยังหูของทุกคน สีหน้าตกตะลึงปรากฏขึ้นบนหน้าของทุกคนในทันที
ฮวาซ่านหลิวนั้นไม่ได้เป็นเพียงเจ้าศาลาแห่งเก้าศาลาเท่านั้น เขายังเป็นถึงเซียนผู้แข็งแกร่งอันดับ 5 ของโลกอีกด้วย แม้แต่ราชวงศ์แห่งมหาจักรวรรดิเซี่ยก็ยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความนอบน้อมโดยเรียกเขาว่า “ท่านฮวา” มีคนตะโกนเรียกชื่อเขาเช่นนี้ครั้งล่าสุดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นคนเดินเท้าที่เดินไปมาอย่างเช่นชาวนาเฒ่า พ่อค้าหาบเร่ข้างถนน เถ้าแก่ หรือนายหญิงชุดงาม ทุกคนต่างกรูกันเข้ามายังซุ้มประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างกระโดดขึ้นไปบนหลังคาใกล้กับซุ้มประตู ดูราวกับว่ามีตั๊กแตนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกระโดดเข้ามาบนถนนพร้อมกันอย่างไรอย่างนั้น ช่างน่าตื่นตาตื่นใจนัก
เมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นผู้หญิงชุดแดงยืนอยู่บนซุ้มประตูอันมีค่าของพวกเขา พวกเขาก็เริ่มก่นด่าใส่นางด้วยความฉุนเฉียว บางคนถึงกับสลัดสีหน้าที่ดูสงบทิ้งแล้วแยกเขี้ยวอันดุร้ายออกมากันเลยทีเดียว
“เจ้าเป็นใคร ? เจ้ากล้าดียังไง ?”
“ลงมาขอโทษซะ !”
“ลงมานี่ !” ชายคนหนึ่งลอยผ่านไปพร้อมกับดาบทะลวงเข้าหาผู้หญิงชุดแดง ดาบเล่มนั้นประกายแสงวิบวับที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
หลายคนรู้ว่าชายผู้นี้คือใคร ปัจจุบันเขาอยู่ในระดับกงจักรดินชั้นกลาง ในบรรดาคนในเก้าศาลา เขานั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือเขายังเด็กมาก โดยในปีนี้เขาอายุไม่ถึง 22 ปี ในอนาคตเขามีโอกาสที่จะได้เป็นปรมาจารย์สูงทีเดียว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถึงระดับของฮวาซ่านหลิว แต่เขาก็ยังสามารถขึ้นสู่ระดับของปรมาจารย์ศาลาคนอื่นได้อย่างเต็มความสามารถ
นอกจากนี้ ทักษะดาบของชายผู้นี้ก็ไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด ตั้งแต่อายุ 7 ขวบเขาเรียนเพียงแค่ท่าเดียว นั่นก็คือกระบวนท่าทะลวงดาบนั่นเอง
ท่าทะลวงดาบของเขาไม่เพียงแค่เร็วเท่านั้น แต่ก็รุนแรงมากด้วยเช่นกัน
แม้แต่คนในระดับเดียวกับเขาก็ไม่สามารถกันท่าทะลวงดาบของเขาได้
ผู้หญิงชุดแดงคนนี้ต้องเป็นเซียนอย่างแน่นอน มิฉะนั้นนางคงไม่สามารถฝ่าผู้คนรอบซุ้มประตูได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็รู้สึกด้วยว่าแม้นางจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากท่าทะลวงดาบนั้น แต่นางก็ยังอ่อนกำลังไปกับท่านั้น พวกเขายังคงเข้ามาใกล้ซุ้มประตู กำลังรอสอนบทเรียนให้กับนางทันทีที่ร่วงลงมา
หลายคนรู้สึกว่าใจของตัวเองสั่นสะท้านโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวตอนที่พวกเขาได้เห็นโฉมหน้าของผู้หญิงคนนั้น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงงามเช่นนั้นจะมีอยู่ในโลกใบนี้ พวกเขาต้องทำให้นางมีชีวิตรอดในภายหลัง…
“เคร้ง” ไม่มีใครเห็นเลยว่าผู้หญิงคนนั้นปัดการจู่โจมออกไปได้อย่างไร ท่าทะลวงดาบที่ทุกคนคิดว่านางไม่สามารถกันได้ก็ลอยขึ้นไปในขณะที่ชายคนนั้นชนเข้ากับบ้านอย่างจัง
ภาพนี้ทำให้หลายคนตระหนักว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแค่เป็นเซียนเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย มิฉะนั้นนางคงไม่ปัดท่าทะลวงดาบออกไปอย่างง่ายดายขนาดนั้น
ในขณะนี้ เสียงโห่ร้องเดือดดาลดังก้องไปทั่ว “ใครมันบังอาจมาสร้างเรื่องสร้างราวถึงที่นี่ ?”
เมื่อคำแรกดังก้องขึ้นมา ต้นตอของเสียงยังคงอยู่ที่ด้านหลังฝูงชน แต่พอถึงตอนที่คำสุดท้ายดังก้องขึ้นมา ก็มีคนปรากฏตัวบนหลังคาบ้านไม่ไกลจากซุ้มประตูในทันที เขาดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 40 ปี เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียวและสวมหมวกนักปราชญ์ ใต้คางเขามีเครายาว 1 เมตร เขาดูสุภาพเรียบร้อยคล้ายคลึงกับนักปราชญ์มหาจักรวรรดิเซี่ย
อันที่จริงเขาเคยเป็นนักปราชญ์หลวงมาก่อน บังเอิญว่าเขาเข้ามาในเก้าศาลาและได้มาเป็นหนึ่งในปรมาจารย์
“กราบถวายบังคม ท่านปรมาจารย์ศาลาที่แปด” ทุกคนทำความเคารพเขา
สีหน้าประหลาดใจวูบผ่านดวงตาของปรมาจารย์ศาลาที่แปด จางจึเจียง ตอนที่ได้เห็นผู้หญิงชุดแดง สาวงามโดดเด่นผู้มีทักษะยอดเยี่ยมอย่างนางย่อมไม่ใช่บุคคลนิรนามธรรมดาเป็นแน่แท้ “เจ้าเป็นใคร ? เหตุใดเจ้าถึงมาสร้างเรื่องสร้างราวที่เก้าศาลา ?”
“บอกให้ฮวาซ่านหลิวออกมา” หลังจากที่เหลือบมองจางจึเจียงผ่านขอบตา ผู้หญิงชุดแดงก็ไม่ได้ให้ความสนใจเขาอีกต่อไป
ลักษณะท่าทางของนางแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้สนใจในตัวจางจึเจียงแต่อย่างใด
“จองหองยิ่งนัก !” ผู้ดูเหตุการณ์ด่าทอผู้หญิงชุดแดงอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
สีหน้าของจางจึเจียงก็มืดมดเช่นกัน ครั้นยังเยาว์วัย ครอบครัวเขายากจนมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกลียดการถูกคนอื่นหยามน้ำหน้า หลังจากที่ได้เป็นหนึ่งในเซียนชั้นแนวหน้าของโลกแล้ว เขาก็ได้ตามล่าทุกคนที่เคยเหยียดหยามตนในอดีตแล้วฆ่าทิ้งเสีย
ในบรรดาปรมาจารย์ศาลาแห่งเก้าศาลา จางจึเจียงนั้นเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุด
“ถ้าเจ้าต้องการพบเจ้าศาลาล่ะก็ เจ้าต้องแสดงฝีมือของเจ้ามาก่อน” ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปข้างบนแล้ว กรงเล็บโลหะที่ประกายแสงวิบวับอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นในมือเขา
เมื่อได้เห็นจางจึเจียงลงมือ ฝูงชนก็รู้สึกสบายใจ ผู้หญิงคนนี้อาจแข็งแกร่ง แต่นางคงไม่มีโอกาสต่อต้านปรมาจารย์ศาลาที่แปดอย่างแน่นอน ปรมาจารย์ศาลาที่แปดอาจติดอันดับที่ 91 ของโลก แต่นั่นก็หมายความว่ามีเพียง 90 คนในโลกนี้เท่านั้นที่สามารถเอาชนะเขาได้
ยังไงซะ ในโลกนี้ก็ไม่ได้มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอยู่มากมายนัก เพียงความจริงที่ว่าเขาติดอันดับที่ 91 แค่อย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทระนงตนแล้ว
ถึงแม้จักรพรรดินีได้หยามน้ำหน้าจางจึเจียงไป นางก็ยังบอกได้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสามารถทีเดียว หากนางยังยืนอยู่บนซุ้มประตูต่อไป ซุ้มประตูอาจถูกทำลาย ทำให้นางเกิดความบาดหมางกับเก้าศาลาได้ ท้ายที่สุดแล้วนางก็แค่อยากได้ยาถอนพิษเท่านั้นเอง
จักรพรรดินีพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงดีดตัว จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันกลางอากาศ ก่อนที่ผู้ดูเหตุการณ์จะเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จางจึเจียงก็กระแทกเข้ากับพื้นราวกับกระสุนปืนใหญ่
“โหหห !” ทุกคนประหลาดใจไปพร้อมกัน
เซียนผู้แข็งแกร่งอันดับ 91 ของโลกไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนนี้ได้เลย
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ?
ผู้หญิงคนไหนจะแข็งแกร่งได้ปานนี้ ?
เซียนผู้แข็งแกร่งอันดับ 3 ของโลก หลี่หยวนจู๋งั้นเหรอ ? แต่นั่นเป็นไปไม่ได้เพราะหล่อนดูเหมือนแม่ชีและมักจะอยู่อย่างสันโดษเสมอ
เซียนผู้แข็งแกร่งอันดับ 7 ของโลก ฉีจี่เซียวงั้นเหรอ ? แต่เพราะอะไรจักรพรรดินีแห่งต้าเย่าถึงได้มาที่นี่ล่ะ ?
เซียนผู้แข็งแกร่งอันดับ 12 ของโลก ซุนเมิ่งเหนียงงั้นเหรอ ? แต่ผู้หญิงคนนั้นอายุ 40 ปี จะว่าไปก็ถูกล่ำลือกันว่าหล่อนรู้วิธีรักษารูปลักษณ์ของตัวเอง เพราะงั้นก็อาจจะเป็นหล่อนก็ได้
ในขณะที่ทุกคนต่างคาดเดาตัวตนของผู้หญิงชุดแดง จางจึเจียงที่นอนอยู่ในหลุมบนพื้นก็กระอักเลือดเต็มปากออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
คนอื่นมองไม่เห็นแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขานั้นเห็นเต็มตา เมื่อครู่นี้หลังจากที่ได้โต้ตอบสั้น ๆ กับผู้หญิงคนนั้น เขาสามารถบอกได้ว่านางว่องไวและแข็งแกร่งมาก นางไม่ได้ดูเป็นผู้หญิงเลย แต่ดูเป็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์มากกว่า หลังจากที่ปะทะกับนาง มือเขาในตอนนี้ก็ยังรู้สึกชาอยู่ หากนางต่อสู้กับเขาอย่างเต็มแรง อย่างน้อยที่สุดเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว
ในบรรดาเซียนหญิงแห่งมหาจักรวรรดิเซี่ย ถึงแม้พวกเธอจะแข็งแกร่งกว่าเขา พวกเธอก็คงไม่ได้มีระดับความแข็งแกร่งขนาดที่ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบขนาดนี้
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มาจากมหาจักรวรรดิเซี่ย มีผู้หญิงหนึ่งเดียวในโลกที่แข็งแกร่งขนาดนี้…ฉีจี่เซียว”
เมื่อจางจึเจียงคิดเช่นนี้ คลื่นความหวาดผวาก็ได้กวาดไปทั่วจิตใจของเขาในทันที เขากระโดดขึ้นจากหลุมด้วยการตีลังกา
เมื่อลงสู่พื้น เขาจึงจ้องไปยังจักรพรรดินีแล้วพูดออกมา “ฉีจี่เซียว เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้ดูเหตุการณ์ทุกคนก็จ้องไปยังจักรพรรดินี
หล่อนคือฉีจี่เซียวงั้นเหรอ ? จักรพรรดินีแห่งต้าเย่าอยู่ที่นี่จริงเหรอเนี่ย ?
บางคนในตอนแรกมีความคิดชั่วร้ายเมื่อพวกเขาได้เห็นโฉมหน้าของนาง ในตอนนี้ความคิดชั่วร้ายทั้งหมดของพวกเขาได้ไหลออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่ออันเยือกเย็น ชื่อเสียงของคนให้ความคุ้มครองคน ด้วยชื่อเสียงของฉีจี่เซียวแล้ว ใครจะไปกล้าหมายปองนางล่ะ ?
“ฮวาซ่านหลิว ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ออกมาต้อนรับข้า ?” เสียงอันเยือกเย็นของจักรพรรดินีดังสะท้อนไปทั่ว นางไม่ต้องการปกปิดตัวตนอีกต่อไป
ณ เวลานี้ ผู้คนที่ก่อนหน้านี้ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนและไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้กระโดดขึ้นไปบนหลังคาพร้อมกับผู้ดูเหตุการณ์คนอื่น
มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถใช้ “ข้าพเจ้า” ในการแทนตัวเองและมีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สามารถใช้ได้
เมื่อเสียงของจักรพรรดินีดังก้องไปทั่ว ความโกลาหลก็ปะทุขึ้นในเก้าศาลา
“ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าฉีจี่เซียวจะมาที่นี่เป็นการส่วนตัว การปรากฏตัวของเจ้าได้นำแสงสว่างมาสู่เก้าศาลาที่ต่ำต้อยของข้า” เสียงอันอ่อนโยนมาจากระยะไกลดังไปทั่ว จากนั้นก็มีเงาลอยผ่านท้องฟ้าและก็มีคนปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ทันทีที่เขาคนนั้นลงมา ก็มีเงาอีกสองสามร่างกระโจนออกมาจากเจดีย์ลงข้างหลังเขา
เมื่อรู้ว่าฉีจี่เซียวมาถึงในเก้าศาลาแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถอยู่เฉยได้อีก