ตอนที่ 181: ปัญหา
151 Views“ทางเราจำเป็นต้องทำการทดสอบอีกหน่อยซะก่อน นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกค้นพบใหม่ พวกเราต้องค้นหาว่าอะไรจะมีผลกับมันค่ะ” สีซานมองเหยินปาเชียนราวกับเขาเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า “เชื้อโรคพวกนี้อยู่ในร่างกายคุณมานานเท่าไหร่แล้วคะ ?”
“3 วัน ไม่ถึง 72 ชั่วโมงครับ” เหยินปาเชียนตอบกลับไป
“ทางเรายังคงต้องทำการทดสอบคุณอีกซักหน่อย แล้วดูว่าคุณมีอาการอื่นอีกมั้ยน่ะค่ะ” เมื่อเธอพูดจบ สีซานก็บอกให้ใครบางคนทำการทดสอบต่าง ๆ กับเหยินปาเชียน เธออ่านรายงานอีกไม่กี่ครั้งแล้วจึงไปที่ห้องทดลองอีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรครับ ? ผมกำลังยุ่งอยู่นะ” หลังจากนั้นไม่นาน ซุนชิงก็มาอยู่ด้านข้างสีซาน ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะไร้อารมณ์ แต่น้ำเสียงของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจเอามาก ๆ ใครก็ตามที่ถูกขัดจังหวะระหว่างการทำงานก็มักจะไม่พอใจ
“ดูนี่สิคะ นี่เป็นการค้นพบใหม่ เป็นการค้นพบครั้งใหญ่เลยค่ะ” สีซานยื่นรายงานให้กับซุนชิงขณะที่ดูตัวอย่างเลือดของเหยินปาเชียนด้วยกล้องจุลทรรศน์
ซุนชิงอ่านรายงาน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ตกตะลึงกับสิ่งที่น่าทึ่ง
“นี่คืออะไรน่ะ ?” ซุนชิงถามอย่างร้อนรน
“นี่คือการค้นพบใหม่ที่ชั้นเพิ่งบอกคุณไปค่ะ มันถูกพบในร่างกายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของห้องทดลอง แถมเค้ายังเป็นคนที่ให้สูตรแก่พวกเราด้วย ชั้นสงสัยจริง ๆ ว่าเค้าได้รับสิ่งเหล่านี้จากที่ไหนกัน ?” สีซานเบนสายตาจากกล้องจุลทรรศน์ สีหน้าของเธอดูตื่นเต้น
“ตราบใดที่พวกเราสามารถหาวิธีการควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ พวกเราก็สามารถรักษาโรคระบาดทั่วโลกและโรคอื่น ๆ ที่รักษาไม่หายได้ด้วยเช่นกันค่ะ”
“ลูคีเมีย !” ซุนชิงกล่าวด้วยสายตาที่เบิกกว้างในทันที ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการรักษาโรคที่รักษาไม่หายแล้ว
องค์การอนามัยโลกระบุว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส โรคมะเร็ง โรคเอดส์ โรคลูคีเมีย (โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว) และโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นเป็นโรคติดเชื้อที่รักษายากที่สุดห้าอันดับของโลก
โรคลูคีเมียนั้นมีผลทำให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวที่ยังไม่สมบูรณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากรายงาน เชื้อเหล่านี้สามารถกลืนกินเม็ดเลือดขาวได้
ยังมีปัญหาอื่นที่พวกเขาต้องพิจารณา ยกตัวอย่างเช่น เม็ดเลือดขาวนั้นเป็นแนวป้องกันชั้นแรกของร่างกายต่อจุลินทรีย์และเชื้อโรค เป็นกลไกการป้องกันที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เมื่อจำนวนเม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลง คนเหล่านั้นก็จะไวต่อโรคมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการรักษาโรคลูคีเมียแล้ว นี่ก็เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น
ซุนชิงเดินไปด้านข้างสีซานแล้วจับตามองเลนส์กล้องอย่างใกล้ชิด เขาเกิดไปเห็นเม็ดเลือดขาวกำลังถูกกลืนกินเข้า
“เค้าอยู่ที่ไหน ?” ซุนชิงเงยหน้าขึ้นแล้วถามออกมาหลังจากนั้นพักหนึ่ง
“ตอนนี้พวกเรากำลังทำการทดสอบอื่น ๆ กับเค้าอยู่ค่ะ เค้าช่างเป็นคนที่โชคดีจริง ๆ เลยนะคะ” สีซานยิ้มแล้วพูดออกมา
ก่อนหน้านี้ เหยินปาเชียนนำครีมโคลนดำมาให้พวกเขา ซึ่งทำให้สะเทือนโลกการแพทย์ทั้งหมด พอครั้งนี้ เขานำเชื้อที่สามารถอาศัยอยู่ในกระแสเลือดได้
เขาเป็นคนโชคดีสำหรับพวกเขาทั้งสองคนอย่างแท้จริง
ตลอดทั้งวัน มีการทดสอบหลายอย่างกับเหยินปาเชียน สิ่งเดียวที่เขาดีใจก็คือในที่สุดก็ได้กินอาหารของจริงสักที เขาได้รับโจ๊กเนื้อ รู้กันว่าจักรพรรดินีได้ให้เลือดเขาเป็นอาหารเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
หลังจากที่เหยินปาเชียนกินโจ๊กเนื้อเสร็จ เขาก็รู้สึกสดชื่นทันที อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถออกแรงหรือขยับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างอิสระนัก เขาทำได้เพียงขยับนิ้วและหันหน้า แม้กระทั่งข้อศอกเขาก็ไม่สามารถยกขึ้นแต่อย่างใด
ในตอนกลางคืน หลังจากที่ใช้เวลาทั้งวันไปกับการทดสอบ เหยินปาเชียนก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาถามออกมา “เป็นยังไงบ้างครับ ? พอจะมีวิธีรักษาบ้างมั้ย ?”
“ทางเราต้องใช้เวลาค่ะ” สีซานตอบกลับไปตามตรง
“ผมมีเวลาไม่พอแล้วครับ” เหยินปาเชียนมองหน้าเธอแล้วพูดอย่างโผงผาง
“เมื่อครู่นี้ดิชั้นมีไอเดียแล้วค่ะ การฟอกเลือดนั้นมีส่วนช่วยในการกำจัดน้ำส่วนเกิน ตัวทำละลาย และสารพิษออกจากร่างกายขณะที่ยังเก็บเม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาวไว้ ถ้าพวกเราสามารถพลิกย้อนกระบวนการนี้ได้ พวกเราจะสามารถกำจัดเม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาวและกักเชื้อ R เอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะไม่สามารถรักษาโรคได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถลดจำนวนเชื้อ R ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามถ้าพวกเราต้องการใช้วิธีนี้จริง ๆ พวกเราต้องมีอุปกรณ์สั่งทำเฉพาะและใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีกว่าพวกเราจะสามารถใช้มันได้ค่ะ นอกจากนี้วิธีนี้จะเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณเช่นกัน น่าเสียดายนะคะที่คุณไม่มีเวลามากพอ” สีซานมองเหยินปาเชียนแล้วพูดออกมา ชื่อ “เชื้อ R” นั้นเธอคิดขึ้นอย่างง่าย ๆ เมื่อครู่นี้ ที่เธอใช้ชื่อนี้ก็เพราะได้พบเชื้อเหล่านี้ในร่างกายของเหยินปาเชียน ซึ่งแซ่ของเขานั้นขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “R” นั่นเอง
เมื่อเหยินปาเชียนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ขุ่นเคืองใจ
ถ้าวิธีนี้มันไร้ประโยชน์ คุณจะพูดให้มันมากความทำไม ?
“ตอนนี้ทางเราต้องดูว่าปฏิกิริยาเหล่านี้จะมีต่อยาและสารเคมีชนิดใดบ้าง ซึ่งจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ทางเราได้อนุมัติกำลังคนที่มีอยู่ทั้งหมดในห้องทดลองแล้วค่ะ”
“จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ?” เหยินปาเชียนถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“การวัดดวงคือปัจจัยสำคัญมากในเรื่องนี้ พวกเราอาจค้นพบยาที่มีประสิทธิภาพในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือแม้กระทั่งครึ่งเดือนต่อจากนี้ พวกเราได้ลองใช้ยาสองสามอย่างกับเชื้อเมื่อครู่นี้ แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการค่ะ” สีซานตอบอย่างสิ้นหวัง
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าให้ผมยอมรับชะตากรรมหรอ ?” เหยินปาเชียนรู้สึกสลดใจ หลังจากที่ผ่านการทดสอบมากมายหลายครั้ง นี่คือผลลัพธ์เดียวที่พวกเขาสามารถทำออกมาได้
“ก็ใช่ค่ะ มันเป็นความจริงในระดับนึง ดิชั้นจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อ R ไปให้อาจารย์ของดิชั้นและผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง แล้วดูว่าพวกเค้าสามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้หรือไม่ค่ะ” สีซานพูดต่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบการสนทนา แม้จักรพรรดินีจะไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดถึงเกือบทั้งหมด นางก็ยังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยทั่วไปแล้วอีกฝ่ายไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้ ทุกอย่างจะต้องใช้เวลาในการทำงานมากขึ้น และตอนนี้สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา
จักรพรรดินีรู้สึกว่าไม่มีจุดประสงค์ที่จะดำเนินการสนทนาต่อไป นางจึงคว้าตัวเหยินปาเชียนขึ้นมาแล้วออกจากห้องไป
เฉินชิ่งขมวดคิ้วแล้วตามหลังนางไปอย่างใกล้ชิด เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในขณะนี้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าสีซานและซุนชิงจะไม่ได้มีชื่อเสียงในประเทศจีน แต่พวกเขาก็มีชื่อเสียงในระดับสากลเลยทีเดียว ซุนชิงอาจไม่ออกความเห็นในขณะนี้ แต่เฉินชิ่งรู้ว่าเขาต้องได้อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้เช่นกัน
ในตอนนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์ของสีซานและผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น
หลังจากที่เข้ามาในลิฟต์ เมื่อจักรพรรดินีเห็นว่าสีหน้าของเหยินปาเชียนดูไม่ดี นางจึงพูดออกมา “ข้าจะไปเอายาถอนพิษ”
“มันอันตรายเกินไปนะ” เหยินปาเชียนขยับริมฝีปากแล้วพูดพึมพำ
ระหว่างทาง เขาได้ถามจักรพรรดินีเกี่ยวกับยาถอนพิษ ถึงแม้ว่าจักรพรรดินีจะไม่ได้บอกอะไรเขามากนัก แต่เขาก็รู้ว่าการที่จะได้รับยาถอนพิษนั้นอันตรายเพียงใด เพียงความจริงที่เก้าศาลาอยู่ในเขตชนบทของมหาจักรวรรดิเซี่ยแค่อย่างเดียวก็ฟังดูอันตรายมากแล้ว
เหยินปาเชียนยังไม่รู้จักสุดยอดผู้ทรงพลังอันดับห้าของโลก ฮวาซ่านหลิว อาศัยอยู่ในเก้าศาลา ถ้าหากเขารู้สิ่งนั้น เขาก็จะไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้งอย่างง่ายดายด้วยการค้นหายาถอนพิษ
“ผู้ใดในโลกจะหยุดยั้งข้าได้ ?” สีหน้าของจักรพรรดินีเย็นชาและดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความจองหอง
เฉินชิ่งหวาดกลัวน้ำเสียงของจักรพรรดินี ความมั่นใจในตัวเองของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าต้องเป็นคนแบบไหนถึงได้ใช้วาจาเช่นนี้
เธอเพิ่งพูดว่า “ข้า” สินะ ? นั่นหมายความว่ายังไงกัน ?
เฉินชิ่งไม่คาดคิดว่านางพูดว่า “ข้า”
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน