ตอนที่ 178: เรื่องตกตะลึงในราชสำนัก
183 Viewsเหยินปาเชียนถูกเปลือยกาย ในขณะนี้บาดแผลบนร่างของเขาจางลงเป็นรอยแผลเป็นจาง ๆ แล้ว ยาแบบครีมโคลนดำนั้นสามารถหาได้ง่ายในโรงหมอ และบาดแผลก็สามารถรักษาได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่ทว่า ดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดอยู่ ผิวดูซีดมาก และไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งจักรพรรดินีก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง
เหยินปาเชียนได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ต้าเย่ามากมายหลายอย่าง นอกจากนี้จักรพรรดินีก็ไม่สามารถมองดูเขาตายง่าย ๆ เช่นนี้ได้ ยังไงซะเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่นางนึกฝันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ถ้าหากนางต้องออกจากต้าเย่าเพื่อไปยังมหาจักรวรรดิเซี่ยด้วยตัวเอง มันคงจะเสี่ยงมากทีเดียว
มันจะไม่เสี่ยงเลยหากนางสามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่เก้าศาลาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากมีความขัดแย้งขึ้นมา คนอื่นอาจจะรู้ได้ว่านางปรากฏตัวในทันที พอถึงตอนนั้นมันจะยุ่งยากมากที่นางจะออกมาจากมหาจักรวรรดิเซี่ย
ด้วยวิธีการจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่เก้าศาลา ดูเหมือนว่าโอกาสที่ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นนั้นสูงมากทีเดียว
ยังมีที่ว่างสำหรับการเจรจาหากเป็นบุคคลปกติ แต่ทว่าเหล่าคนที่เก้าศาลานั้นเป็นพวกวิกลจริต จะไม่มีการบอกเลยว่าพวกเขาจะทำอะไร
ณ ตอนนี้ จักรพรรดินีติดอยู่ระหว่างสองสถานการณ์ที่ยุ่งยาก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จักรพรรดินีก็ถอนหายใจเล็กน้อยและการแสดงออกของนางก็เย็นลงนิดหน่อย นางหยิบผ้าบนเตียงขึ้นมาแล้วห่อตัวเหยินปาเชียนด้วยมือข้างเดียวในทันที หลังจากนั้นไม่นาน นางก็จับเหยินปาเชียนด้วยมือข้างเดียวแล้วพังประตูออกไป เปลี่ยนเป็นเส้นแสงสีแดงขณะที่นางมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
ทุกคนในโรงหมอต่างรู้สึกโล่งใจหลังจากที่จักรพรรดินีจากไป หลายคนถึงกับทรุดลงกับพื้นในทันที และไม่มีใครหัวเราะเยาะพวกเขาเช่นกัน
พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจักรพรรดินีเป็นอย่างมากเมื่อครู่นี้ นางเป็นเหมือนภูเขาไฟที่โหมกระหน่ำ พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ และไม่มีผู้ใดสามารถหยุดพักหายใจได้
ถงเจิ้นเหย่จ้องมองไปยังทิศทางที่จักรพรรดินีหายไป เขาหันกลับมาถามชายชรา “ไม่มีวิธีแก้ปัญหาอย่างอื่นแล้วรึ ?”
“พิษชนิดนี้หายากมากขอรับ ไม่มีใครรู้เลยว่าจะมียาตัวอื่นนอกเหนือจากผู้คนในเก้าศาลาอีกมั้ย และแน่นอนว่าการถอนพิษน่ะโดยธรรมชาติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยขอรับ” ชายชราส่ายหน้า
“เห้อ” ถงเจิ้นเหย่ถอนหายใจด้วยเช่นกัน สิ่งก่อสร้างที่เหยินปาเชียนพูดถึงควรจะสร้างให้เสร็จก่อนที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้น
เขาเห็นความหวัง แต่น่าเสียดายที่มันจบลงตามธรรมชาติ
เขาไม่สงสัยในคำพูดของชายชราเลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีก็ไม่ได้มีความกังขาแต่อย่างใด
ถ้าหากเขาบอกว่าไม่มีวิธีอื่นแล้ว ก็ต้องไม่มีวิธีอื่นอีกเป็นแน่แท้
มีคนชราพิลึกไม่กี่คนในราชสำนักของต้าเย่า และชายอาวุโสคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงชราในพระราชวังชิงซินก็เป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากการถูกตราหน้าว่าเป็นสัตว์ประหลาดแก่แล้ว ยังมีสาเหตุอื่นอีกที่ทำให้พวกเขาถูกตราหน้าว่าพิลึก
“แล้วทหารหลวงคนนั้นล่ะเป็นยังไงบ้าง ?” ถงเจิ้นเหย่ถามอีกครั้ง
“เค้าบาดเจ็บสาหัสและเกือบจะเสียชีวิตแล้ว เค้าต้องการเวลาในการพักฟื้นขอรับ” ชายอาวุโสตอบกลับไป
ถงเจิ้นเหย่พยักหน้าแล้วส่ายหัว “ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
โดยปกติแล้ว เขาจะรู้สึกว่ามันช่างน่าสงสารจริง ๆ ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเหยินปาเชียน หากเป็นแต่ก่อนเขาจะดูถูกเหยินปาเชียนอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่เหยินปาเชียนสาธิตให้ดูและพูดคุยเกี่ยวกับแผนการยิ่งใหญ่เหล่านั้น เขาก็เปลี่ยนมุมมองไปมาก ความสามารถของผู้รักษาการแทนเหยินในด้านนั้นน่ายกย่องอย่างไม่ต้องสงสัย ในอนาคตเขาจะฝึกฝนทักษะของเขาต่อไปและแม้ว่าเขาจะยังไม่ดีพอสำหรับจักรพรรดินี เขาก็แทบจะไม่พอใจเลย
ช่างน่าสงสารจริง ๆ
ถงเจิ้นเหย่ออกแรงกดด้วยเท้าแล้วหายไปในพริบตา ลงบนหลังคาบ้านไกลออกไปเรื่อย ๆ
จักรพรรดินีได้นำเหยินปาเชียนมาที่พระราชวังหย่างซินทันทีที่กลับมาถึงพระราชวัง นางปล่อยแขนออกแล้วเขาก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน
“ไปที่สวนผิงเล่อแล้วเอาเสื้อผ้ามาให้เค้าใส่ซะ” จักรพรรดินีพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“เจ้าค่ะฝ่าบาท” ทั้งสองคนตอบกลับมา แล้วชิงยวนก็รีบพุ่งออกประตูไป
“เกล้ามวยให้ข้าซิ” จักรพรรดินีสั่งการขณะที่นั่งอยู่หน้ากระจก ในกระจกเป็นหญิงสาวผู้เยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันหาญกล้า
หลังจากที่หงหลวนทำผมให้นางเสร็จแล้ว นางก็วาดคำลงบนกระจกทั้งสองฝั่งด้วยนิ้ว จากนั้นนางก็หันตัวไปดู
ใบหน้าของชิงยวนมีสีแดงขณะที่เธอสวมเสื้อผ้าให้เหยินปาเชียน มันทำให้เธอใช้เวลานานมากกว่าจะสวมเสื้อผ้าให้เขาเสร็จ
จักรพรรดินีเดินหลายก้าวอยู่ในห้องโถงใหญ่แล้วมองไปรอบ ๆ
ชิงยวนกับหงหลวนรู้สึกว่าพระองค์มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างมาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร
พวกเธอสันนิษฐานกันว่าอาจได้รับอิทธิพลจากการพยายามลอบสังหารผู้รักษาการแทนเหยิน พวกเธอไม่รู้ว่าใครที่กล้าถึงขนาดนั้น และยังสงสัยว่าบุคคลนั้นถูกจับได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้รักษาการแทนเหยินมากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นคืนสติและใบหน้าของเขาก็ซีดไปเล็กน้อย แต่บาดแผลของเขาฟื้นตัวได้ดีและเขาน่าจะฟื้นขึ้นในไม่ช้า
มิฉะนั้นแล้ว พระองค์จะต้องโกรธจัดอย่างแน่นอน
ทางด้านพระองค์ ทั้งสองคนได้เห็นนางปฏิบัติต่อคน ๆ นึงเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว พวกเธอไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน มิฉะนั้นพระองค์ก็จะเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง จักรพรรดินีก็พูดออกมา “บอกฉีชิงว่าหากข้าจะต้องมีอันเป็นไป ให้เชิญชายผู้นั้นกลับมา เจ๋อโค่วไห่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ที่ข้าไม่ได้ฆ่าเค้าตลอดมานี้เพราะข้ารู้สึกว่าวันนั้นอาจมาถึง”
ทั้งชิงยวนและหงหลวนต่างตกตะลึงเมื่อพวกเธอได้ยินสิ่งที่จักรพรรดินีพูด สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจแล้วโห่ร้องออกมา “ฝ่าบาทเจ้าขา !”
“แค่ในกรณีนี้เท่านั้นแหละนะ ไม่มีผู้ใดในโลกนี้สามารถเอาชนะข้าได้หรอก” จักรพรรดินีเปล่งเสียงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามต่อทุกชีวิต
ทั้งสองคนต่างตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ฝ่าบาทกำลังจะทำอะไรหรือเจ้าคะ ?”
“ข้าจะออกไปข้างนอก บอกสำนักรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนและฝ่ายตรวจตราให้ลาดตระเวน ตราบใดที่พบใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง ฆ่ามันทิ้ง ไม่ต้องมีหลักฐานและอย่าไว้ชีวิตใคร”
ขณะที่จักรพรรดินีกำลังพูด นางยืนอยู่ข้างที่นอนพร้อมกับแบกเหยินปาเชียนด้วยมือข้างเดียว ทันทีที่นางพูดจบ นางก็หายตัวไปจากห้องโถงพระราชวัง ทิ้งไว้ซึ่งเสียงสะท้อนคำว่า “อย่าไว้ชีวิตใคร”
“ฝ่าบาท !” ทั้งชิงยวนและหงหลวนต่างตะโกนและรีบออกจากประตูพระราชวังเพื่อพยายามค้นหาจักรพรรดินี
“เร็วเข้า พาแม่ทัพซินเจ๋อมาที่นี่ที ฝ่าบาททรงเดือดร้อนแล้ว” ผู้ภักดีทั้งสองตะโกนอย่างหวาดกลัว
จักรพรรดินีวิ่งไปที่มุมหนึ่งของพระราชวังพร้อมกับแบกเหยินปาเชียนไว้แล้วลงไปที่ลานว่างชั่วพริบตา ลานว่างแห่งนี้มีบ่อน้ำขนาดใหญ่และสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่มีหัวเหมือนสิงโต มีเขาและลำตัวเหมือนกวางมูส มีผิวเหมือนเกล็ดมังกร และมีหางเหมือนวัว มันคือกิเลนที่เหยินปาเชียนเคยเห็นก่อนหน้านี้นั่นเอง
มันยืนขึ้นทันทีที่รู้สึกถึงการปรากฏตัวขององค์จักรพรรดินี มันส่งเสียงร้องให้นาง เสียงไม่เพียงแต่ฟังดูน่ากลัวเท่านั้น แต่มันฟังดูสนิทสนมจริง ๆ ราวกับว่ามันเป็นคำทักทายยังไงยังงั้น
จักรพรรดินียืนบนหลังของมันแล้วพูดด้วยเสียงอันเยือกเย็น “ไป..ขึ้นทางเหนือ”
“บรู๊วววววววววว !” คราวนี้ เสียงกิเลนไม่ได้ฟังดูน่ารักเหมือนเมื่อครู่นี้ มันเต็มไปด้วยการข่มขู่ และดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตัวของมันลอยขึ้นไปข้างบนแล้วร่อนลงบนหลังคาของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยการกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง มันกระโดดข้ามลานว่าง 5-6 แห่งแล้วขึ้นไปบนหลังคาหลังอื่น
“ฝ่าบาท !”
“ฝ่าบาท !”
ทุกคนในพระราชวังตกใจกับเสียงของกิเลน หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นกิเลนวิ่งออกมาจากลานว่างพร้อมกับเงาสีแดงบนหลังของมัน แล้วพวกเขาก็ส่งเสียงเตือนทันที
พระองค์ทรงกิเลนออกจากพระราชวังจริงเหรอเนี่ย ?
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ เงาสิบกว่าร่างก็กระโดดออกจากพระราชวังและไล่ตามไปในทันที แต่ทว่ากิเลนก็ได้หายตัวผ่านกำแพงพระราชวังไปหลังจากที่พวกเขาเริ่มไล่ตาม
ซินเจ๋อดูมืดมนมาก โดยปกติแล้วพระองค์จะไม่ขี่กิเลนออกไป การกระทำของนางทำให้เห็นได้ชัดว่านางกำลังเดินทางไกล แต่ในฐานะผู้บัญชาการทหารหลวงของพระราชวัง เธอไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
หลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่หงหลวนกับชิงยวนต้องการบอก เธอก็ประหลาดใจอย่างมาก
หลังจากเวลาที่ธูปมอด สีหน้าของฉีชิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากตอนที่เขาได้ข่าวในขณะที่เขากำลังอาบแดดอยู่ในบ้านของตัวเอง
สีหน้าของเจ๋อโค่วไห่ก็มืดมนเมื่อได้ข่าวเช่นกัน
ถงเจิ้นเหย่รู้สึกตกตะลึงอย่างมากเมื่อเขาได้ยินเสียง องค์จักรพรรดินีไปยังเก้าศาลาด้วยตัวเองจริงเหรอเนี่ย ?
ทั่วทั้งราชสำนักของต้าเย่าตกตะลึง
นางคือองค์จักรพรรดินีแห่งต้าเย่า และนางมุ่งหน้าขึ้นไปยังทางเหนือด้วยตัวเอง ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง อะไรจะเกิดขึ้นกับต้าเย่า ?