ตอนที่ 175: กรมโยธาธิการ
157 Viewsเช้าวันรุ่งขึ้น เหยินปาเชียนหยิบเหรียญตราที่ทำให้เขาสามารถออกจากพระราชวังขึ้นมา ทหารยามสองนายและวัวหลังค่อมตามเขามาแล้วมุ่งหน้าออกจากพระราชวังไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยพละกำลังของเหยินปาเชียน ไม่มีใครรู้สึกสบายใจที่จะปล่อยให้เขาออกไปตามลำพัง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกปลอดภัยหากเขาออกไปตามลำพัง ดังนั้นจักรพรรดินีจึงส่งมอบทหารหลวงสองนายให้กับเขา
พละกำลังของทหารหลวงทั้งสองนายนั้นสูงกว่าเถิงหูหลู่กับเถ่เตามาก เถิงหูหลู่กับเถ่เตาบรรลุเพียงแค่ระดับสวรรค์ 4 ทาง ซึ่งเทียบเท่ากับขั้นแรกของกงจักรมนุษย์ ระดับนี้สามารถบรรลุได้แม้กระทั่งพลทหารที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพของต้าเย่า
ทหารหลวงทั้งสองนายที่จักรพรรดินีที่ได้ส่งมอบให้เหยินปาเชียนนั้นเพิ่งจะบรรลุระดับสวรรค์ลิขิต ซึ่งเทียบเท่ากับกงจักรมนุษย์ พวกเขามีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนที่เพิ่งบรรลุกงจักรดินจากอีกสามแคว้น
หลังจากที่ออกจากพระราชวังแล้ว เหยินปาเชียนก็ยืดแขนออกแล้วหายใจเข้าลึก ๆ มันค่อนข้างนานแล้วนับตั้งแต่ที่เขาได้ออกมาครั้งล่าสุด
พอเปรียบเทียบกับพระราชวัง ภายนอกนั้นก็ยังดีกว่า พระราชวังนั้นหนาวเย็นและเงียบสงบเกินไปหน่อย
เหยินปาเชียนขี่วัวหลังค่อมไปข้างหน้าอยู่บนถนนสายกลาง ทหารหลวงสองนายที่อยู่ข้างหลังเขาก็ขี่วัวหลังค่อมด้วยเช่นกัน พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังกรมโยธาธิการก่อน
ถนนในเมืองหลานนั้นกว้างมาก ถนนสายกลางในต้าเย่านั้นเหมาะสำหรับสัตว์ขี่และรถลาก ส่วนทั้งสองฝั่งมีไว้สำหรับคนเดินเท้า ชายทั้งสามที่ขี่วัวหลังค่อมต่างดึงดูดความสนใจของทุกคน เสียงกระซิบดังขึ้นในหมู่คนที่ดูอยู่
“เค้านี่หรอคือผู้ที่พระองค์ทรงเลือกให้เป็นพระสวามีน่ะ ?”
“ดูจากหน้าตากับชุดข้าราชการที่ใส่อยู่ ใช่เค้าแน่นอน ไม่มีใครในเมืองหลานที่ดูเหมือนเค้าแล้วล่ะ”
“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าพระองค์เห็นดีเห็นงามในตัวเค้า”
อย่างไรก็ตาม ภายในหมู่ฝูงชน มีคนที่รีบออกไปหลังจากที่ได้เห็นเหยินปาเชียน ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาแต่อย่างใด
มีเสียงกระซิบที่ลอยเข้ามาในหูของเหยินปาเชียนพร้อมกับสายลม
ถึงแม้ว่าชนเผ่ากำลังกระซิบกันอยู่ แต่พวกเขาก็ฟังดูเหมือนกับคนธรรมดากำลังพูดคุยกันในระดับเสียงปกติ เหยินปาเชียนมักสงสัยอยู่เสมอว่า “พวกเค้ามีปัญหาด้านการได้ยินรึเปล่า ?”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหยินปาเชียนไม่อาจใส่ใจกับคำนินทาของพวกเขา เขาเชื่อว่าคำนินทาเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง
มีผู้คนมากมายเดินเข้าออกกรมโยธาธิการ ที่นี่วุ่นวายกว่าสำนักหงหลูมาก ยังไงซะกรมโยธาธิการก็รับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ มากมาย สำนักหงหลูนั้นเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย
เหยินปาเชียนบอกชื่อตัวเองไปแล้วจึงถูกพาเข้าไปในอาคาร อย่างไรก็ตาม ถงเจิ้นเหย่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในขณะนี้ เหยินปาเชียนรอประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าถงเจิ้นเหย่จะมาถึงในที่สุด เขายังคงสวมแว่นกันแดดโดยที่จมูกของเขาแหลมขึ้นจนเกือบจะแตะเพดานอยู่แล้ว
ด้วยรูปร่าง หัวที่ล้าน และเคราเปียอันน่าเกรงขามแล้ว เหยินปาเชียนรู้สึกว่าเขายังคงขาดโซ่ทองอยู่
“ท่านผู้รักษาการเหยิน มีเรื่องอะไรงั้นรึ ?” ถงเจิ้นเหย่พาเหยินปาเชียนไปที่ห้องแล้วถามเขาโดยตรง
“ใต้เท้าถง พวกเราจำเป็นต้องสร้างเตาหลอมก่อนถึงจะสามารถผลิตแก้วได้ ไม่ใช่ว่าต้องใช้แค่ในโรงงานผลิตแก้วเท่านั้น แต่จะต้องใช้ในกรมโยธาธิการเพื่อหลอมโลหะด้วยเหมือนกัน เตาหลอมนั้นสามารถเร่งกระบวนหลอมได้ได้หลายครั้ง และจะใช้ไม้น้อยลงอีกด้วย” เหยินปาเชียนอธิบาย
“โอ้ว ?” ถงเจิ้นเหย่ประหลาดใจ
ผู้รักษาการเหยินนี่รู้ทุกเรื่องจริง ๆ แฮะ
มันจะเป็นสิ่งที่ดีหากกระบวนการหลอมสามารถเร่งได้หลายครั้งในขณะที่ใช้ไม้น้อยลง
“ท่านผู้รักษาการเหยิน นั่งลงก่อนแล้วบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ข้าฟังเพิ่มอีก” สีหน้าตื่นตาตื่นใจอย่างมากปรากฏบนหน้าของถงเจิ้นเหย่
“ท่านจะต้องใช้วัสดุสองอย่างในการสร้างเตาหลอม อย่างแรกคืออิฐ และอย่างที่สองคือปูนซีเมนต์ อิฐสามารถนำมาใช้ในการสร้างบ้านและอาคารรูปแบบต่าง ๆ ได้ด้วย ถ้ามีอิฐล่ะก็ท่านจะไม่ต้องขนหินจากพื้นที่ห่างไกล ไม่ต้องขัดหรือตัดก่อนที่จะเอามาสร้างสิ่งต่าง ๆ ท่านสามารถประหยัดกำลังคนได้มากด้วยวิธีนี้ ปูนซิเมนต์ยิ่งมีประโยชน์มากกว่าอิฐซะอีก นอกจากที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว มันยังสามารถใช้ในการสร้างเมือง ปูถนนได้ด้วย” เหยินปาเชียนนั่งลงด้านข้างแล้วพูดต่อ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หน้าของถงเจิ้นเหย่ก็เริ่มจริงจัง ถ้าหากสิ่งที่เหยินปาเชียนกล่าวมาเป็นจริง วัสดุทั้งสองอย่างนี้จะต้องมีมูลค่าอย่างมาก แถมยังใช้งานได้หลากหลายด้วย
“ท่านบอกข้ามาแบบเจาะจงได้มั้ยว่าอิฐกับปูนซีเมนต์คืออะไร ?” ถงเจิ้นเหย่ถามออกมา
เหยินปาเชียนอธิบายให้ถงเจิ้นเหย่ฟังอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับการใช้อิฐและปูนซีเมนต์ ถงเจิ้นเหย่ไตร่ตรองคำพูดของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมา “ถ้าสิ่งที่ท่านพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ งั้นอิฐกับปูนซีเมนต์ก็ใช้งานได้หลากหลายจริง ๆ เลยน่ะสิ มันจะถูกสร้างขึ้นในพระราชวังด้วยเหมือนกันใช่มั้ย ?”
“พวกเราเตรียมมอบหมายงานชิ้นนี้ให้กับกรมโยธาธิการแล้ว ยังไงซะวัสดุทั้งสองอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ต้าเย่าทั้งมวล พวกเราเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถทำได้เร็วขึ้นหากกรมโยธาธิการจัดการ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ รอยยิ้มก็ปรากฎบนหน้าของถงเจิ้นเหย่ ก่อนหน้านี้เขายังคงภาวนาว่าทางพระราชวังจะไม่ผูกขาดวัสดุทั้งสองอย่างนี้ ยังไงซะตามที่เหยินปาเชียนกล่าวมา วัสดุทั้งสองอย่างนี้ผลิตได้ไม่ยาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้งานได้ในหลายพื้นที่ด้วย
“ท่านผู้รักษาการเหยิน ข้าขอขอบคุณท่านมาก ๆ ถ้าท่านต้องการให้กรมโยธาธิการทำอะไรล่ะก็ บอกข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจล่ะ” ถงเจิ้นเหย่ลูบเคราเปียแล้วพูดออกมา
“หลัก ๆ เลยนะ พวกเราต้องหาเหมืองหินปูน ส่วนดิน พวกเราสามารถหาได้ทุกที่รอบแม่น้ำกับตีนเขา”
จากนั้นเหยินปาเชียนก็อธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับหินปูนให้ถงเจิ้นเหย่ฟัง หินปูนที่สะสมไว้มักจะมีปริมาณมาก มันน่าจะหาได้ง่าย
“ท่านผู้รักษาการเหยิน ข้าขอเวลาซักครู่นะ” หลังจากที่พูดจบ ถงเจิ้นเหย่ก็ก้าวออกไปจากห้องแล้วตะโกนสุดพลังเสียง “พาเถี่ยเจ๋อกับเถี่ยเฉวียนมาหาข้าหน่อย”
หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้ามาในห้องแล้วบอกเหยินปาเชียน “สองหนุ่มนั่นตะลอนไปทั่วต้าเย่าอยู่ทุกวัน พวกเค้าน่าจะรู้ว่าจะหาของพวกนี้ได้จากไหน”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายร่างกำยำสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความรีบร้อนแล้วถามออกมา “ใต้เท้ากำลังตามหาพวกเรารึ ?”
“ผู้รักษาการแทนเหยินมีอะไรบางอย่างจะถามพวกเจ้าทั้งสองคน ตอบเค้าตามความจริง” ถงเจิ้นเหย่ลูบเคราแล้วพูดออกมา
“แต่พวกเราไม่ได้สร้างปัญหาอะไรในช่วงหลายวันที่ผ่านมานะขอรับ” ทั้งสองคนตอบกลับไปด้วยความสงสัย
“หุปปากซะ” ถงเจิ้นเหย่ตำหนิพวกเขา
“ท่านผู้รักษาการเหยิน ถามพวกเค้าได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“พวกท่านเคยเห็นหินปูนแบบนี้มาก่อนมั้ย มันคือ…” เหยินปาเชียนอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับหินปูนให้พวกเขาฟัง
“ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้หาได้ทุกที่หรอกรึ ?” ชายร่างกำยำทั้งสองคนเกาหัวแล้วพูดออกมา
“หาใกล้สุดได้ที่ไหน ?”
“เดินไปทางนั้นซักครึ่งวันแล้วท่านจะพบมันได้ทุกที่เลย” ชายคนหนึ่งหันมองรอบ ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะชี้ทางแล้วพูดออกมา
เขาได้ชี้ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลาน
“ใต้เท้าถง ข้าอาจต้องยืมตัวสองคนนี้นะ” เหยินปาเชียนกำมือแล้วพูดออกมา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสองคนจะต้องฟังคำสั่งของผู้รักษาการแทนเหยิน ถ้าพวกเจ้าทำอะไรผิดพลาดล่ะก็ เตรียมตัวโดนซ้อมตอนกลับมาได้เลย” ถงเจิ้นเหย่สั่งการเถี่ยเจ๋อกับเถี่ยเฉวียนพร้อมกับถลึงตาข่มขู่
“ขอรับใต้เท้า” ทั้งสองคนกลัวจนตัวหด
“ข้าจะต้องรบกวนพวกท่านให้เดินทางไปยังที่ที่พวกท่านพูดถึง แล้วเอาหินปูนกลับมาให้ข้าดู ถ้ามันเป็นสิ่งที่ข้ากำลังหาอยู่ล่ะก็จะดีเลย ไม่งั้นข้าอาจต้องรบกวนพวกท่านให้เดินทางอีกเพื่อค้นหามัน นอกจากหินปูนแล้ว ข้าต้องการแร่เฟลด์สปาร์กับแร่โดโลไมต์ด้วย ถ้าพวกท่านรู้ว่าจะหามันได้ที่ไหนล่ะก็ ฝากจัดคนไปเอามันกลับมาหน่อย ยังไงก็เถอะสำหรับตอนนี้ การค้นหาหินปูนสำคัญที่สุด” เหยินปาเชียนพูดต่อ ในขณะเดียวกันเขาก็บอกพวกเขาเกี่ยวกับลักษณะของแร่เฟลด์สปาร์กับแร่โดโลไมต์ไปด้วย
“ท่านสามารถหาแร่โดโลไมต์ได้หลังจากที่เดินทางออกจากเมืองไปครึ่งวันด้วยเหมือนกัน แต่สำหรับแร่เฟลด์สปาร์นั้นไปอีกทางหนึ่ง มันสามารถหาได้หลายแห่ง พวกเราไม่แน่ใจจริง ๆ” เถี่ยเจ๋อกับเถี่ยเฉวียนตอบกลับมาหลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง
“เอาล่ะ ข้าต้องรบกวนให้พวกท่านหามันมา จะว่าไปพวกท่านเคยเห็นหินสีดำชนิดที่สามารถเผาไหม้มาก่อนมั้ย ?”
“อันนั้นพวกเราไม่แน่ใจ”
“งั้นเอาบางอย่างที่ข้าพูดถึงกลับมาก็แล้วกัน”
หลังจากที่เถี่ยเจ๋อกับเถี่ยเฉวียนออกไปแล้ว ถงเจิ้นเหย่ก็พูดออกมา “ข้ารู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร ผู้คนทางเหนือมักจะเผาหินสีดำนั่น ทีแรกข้าก็แอบแปลกใจที่หินสามารถเผาไหม้ได้ ใต้เท้าเหยิน ทำไมท่านถึงไม่เผาไม้ล่ะ มันสามารถหาได้ทุกที่เลยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของถงเจิ้นเหย่แล้ว เหยินปาเชียนก็ดีใจมาก “หินชนิดนั้นดีกว่าและมีประโยชน์มากกว่าไม้มาก ยิ่งไปกว่านั้นความร้อนที่มันผลิตนั้นร้อนกว่าไม้มาก มันเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ เลยล่ะ”