ตอนที่ 173: การทดลอง
187 Viewsณ เวลานี้ เหยินปาเชียนกับจักรพรรดินีกำลังรับประทานมื้อเที่ยงกันอยู่ ในช่วงเวลามื้อเที่ยง มันค่อนข้างเงียบสงบเพราะทั้งคู่ไม่ค่อยพูดจากัน พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่รีบกินอาหาร
มารยาทในการรับประทานอาหารของจักรพรรดินีนั้นควรค่าแก่การดูซ้ำสอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสอนมารยาทการรับประทานอาหารให้กับชนเผ่า การเคลื่อนไหวของนางทุกท่วงท่าเผยกลิ่นอายแห่งความสูงส่งออกมา
หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทั้งสองคนก็นั่งในพระราชวังอยู่พักหนึ่ง เหยินปาเชียนเริ่มบอกกับจักรพรรดินีอีกครั้งว่าโรงงานผลิตแก้วสามารถทำอะไรได้
โรงงานผลิตแก้วนั้นไม่เพียงแต่สามารถผลิตแก้วและกระจกเพื่อสร้างผลกำไรและทรัพยากรการค้าจากตระกูลที่มั่งคั่งในแคว้นอื่นได้เท่านั้น แต่ยังสามารถผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนและสิ่งต่าง ๆ อย่างกล้องโทรทรรศน์ ซึ่งจะทำให้สามารถมองระยะไกลได้
วิธีการที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้สามารถหาได้ทั่วไปในอินเตอร์เน็ต การได้รู้วิธีการเหล่านี้จะช่วยเขาให้รอดพ้นจากอุปสรรคมากมาย
เหยินปาเชียนคุยกับจักรพรรดินีเป็นเวลาพอสมควรจนกระทั่งมีใครบางคนมาถึง จากนั้นเหยินปาเชียนก็กล่าวอำลาจักรพรรดินีแล้วกลับไปที่สวนผิงเล่อ
คนที่รออยู่ด้านนอกพระราชวังคือเหรัญญิกหลวง กูเย่ เธอยังเป็นแม่ของหลิ่วลั่วเหยาด้วย ซึ่งเป็นหญิงสาวที่เหยินปาเชียนมีความขัดแย้งด้วยเมื่อครั้งที่แล้ว ดูแล้วเธอเป็นชนเผ่าที่อายุประมาณ 40 ปี เธอสวมชุดข้าราชการและเธอมีสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเธอเห็นเหยินปาเชียนเดินออกมาจากพระราชวัง เธอจึงมองเขา
เธอไม่มีความพอใจในพระสวามีคนนี้ที่จักรพรรดินีเลือก
ถึงแม้ว่าหลิ่วลั่วเหยาได้ทำผิดไปครั้งที่แล้วและได้รับการลงโทษแล้ว กู่เย่ก็ยังคงเกลียดเหยินปาเชียนอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยังไงซะเขาก็เป็นพระสวามีที่จักรพรรดินีเลือก
มิฉะนั้นแล้ว นางคงจะหาโอกาสที่จะจัดการกับเหยินปาเชียน
คนเราควรจะสังเกตุว่าใครเป็นเจ้าของสุนัขก่อนที่จะตี คนแปลกหน้าไม่มีสิทธิ์สั่งสอนลูกสาวของเธอ
ต่อจากนั้น ข้าราชการก็ทยอยมาถึงพระราชวังเพิ่มขึ้น ทุกคนยืนอยู่ใจกลางพระราชวังหย่างซินแล้วมองหน้ากัน พวกเขาทำได้แค่คาดเดาว่าจักรพรรดินีต้องการจะทำอะไรเพราะพวกเขาไม่รู้อะไรเลย ดูจากสิ่งที่เห็นเป็นไปได้ว่าจักรพรรดินีต้องการจะคุยเรื่องอาวุธหรือแหล่งอาหารกับพวกเขา ยังไงซะข้าราชการจากกรมโยธาธิการ ฝ่ายกำลังทหาร และกรมพระคลังต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว
จักรพรรดินีพูดออกมาเพียง “พวกเราจะเจรจากันเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่” จากนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากที่นางพูด ทุกคนก็รอคอยอย่างใจเย็นในห้องโถงพระราชวัง
คนสุดท้ายที่มาถึงคือผู้อาวุโสสูงสุด ฉีชิง หลังจากที่เขามาถึง จักรพรรดินีก็เริ่มพูดออกมา “วันนี้ข้ามีอะไรบางอย่างที่จะแสดงให้พวกเจ้าดู”
ทุกคนต่างสับสน พวกเขาสงสัยว่าสิ่งที่จักรพรรดินีต้องการที่จะแสดงให้พวกเขาดูคืออะไร ถึงขนาดที่นางเรียกผู้คนมามากมายขนาดนี้
“กระหม่อมสงสัยว่าสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการให้พวกเราดูคืออะไรขอรับ ?” ฉีชิงกำมือแล้วถามออกมา
“เนื่องจากทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว งั้นตามข้ามา” จักรพรรดินีลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากพระราชวังหย่างซิน ทุกคนรีบเดินตามนางไป
หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้สักระยะ พวกเขาก็มาถึงทางเข้าสวนผิงเล่อ เมื่อได้เห็นองค์จักรพรรดินี ทหารยามตรงทางเข้าก็ทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
ทุกคนรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน
แม้พวกเขาจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าสถานะของผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มาจากลานพระราชวัง พวกเขาเชื่อว่ามีเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ในเวลานี้
“เหตุใดพระองค์ถึงได้ทรงพาพวกเรามาที่นี่” ทุกคนต่างคิดกันไปโดยไม่รู้ตัว
เหยินปาเชียนฝันกลางวันอยู่ที่ลานว่าง เมื่อเขาเห็นจักรพรรดินีและเหล่าข้าราชการ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อทักทายทุกคน เขาเคยเห็นข้าราชการเกือบทุกคนที่อยู่ข้างหลังจักรพรรดินีมาก่อน แม้จะไม่มีใครบอกยศและตำแหน่งกับตน เขาก็สามารถรู้ได้หลังจากที่จักรพรรดินีสั่งการพวกเขาหรือไม่ก็มองดูชุดข้าราชการของพวกเขา
“ผู้รักษาการเหยิน แสดงให้พวกเราดูซิ” จักรพรรดินีสั่งการ
เหยินปาเชียนหยิบเอาจานกลมที่มีแผ่นกระจกทั่วทั้งใบเหมือนใยแมงมุมออกมาจากมุมกล่อง เขาสั่งให้ทหารยามถือไว้อย่างเหมาะสมแล้วหยิบแว่นกันแดดออกมาหลายอัน เขาส่งไปให้จักรพรรดินีอันนึงและส่งอันที่เหลือให้กับคนอื่น
“ฝ่าบาท สวมแว่นกันแดดอันนี้เพื่อปกป้องพระเนตรขอรับ”
ทุกคนเริ่มมองดูแว่นกันแดดอย่างใกล้ชิด สิ่งนี้มีกรอบวงกลมสองอันที่ครอบด้วยวัตถุแข็งสีดำโปร่งใส ลักษณะดูราวกับว่ามันถูกแกะสลักมาจากเพชรพลอย พวกเขาไม่รู้วิธีใช้แว่นกันแดด
จักรพรรดินีมักจะเห็นผู้คนสวมแว่นกันแดดบนดาวโลกอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่มองดูนางก็สวมมันทันที สีหน้าตระหนักรู้เกิดขึ้นบนหน้าของคนอื่น ๆ พวกเขาลอกเลียนแบบนางแล้วสวมแว่นกันแดดทีละคน ทันใดนั้นแถวนั้นก็เต็มไปด้วยผู้ยิ่งใหญ่ในชุดข้าราชการและแว่นกันแดด
เมื่อมองดูพวกเขา เหยินปาเชียนก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความยิ่งใหญ่จากพวกเขา
หลังจากที่สวมแว่นกันแดด ปริมาณแสงที่เข้าตาก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในทันที ทำให้สภาพแวดล้อมดูสว่างน้อยลง พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกทำให้สงบลง และถอนหายใจอย่างแผ่วเบาด้วยความโล่งใจ
เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้ เหยินปาเชียนวางกิ่งไม้ไว้ที่จุดรวมแสง ทันใดนั้นกิ่งต้นไม้ก็ลุกเป็นเปลวไฟ
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็มีปฏิกิริยาเหมือนทหารยามสองคนก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่านี่เป็นสมบัติชนิดหนึ่งที่สามารถเผาสิ่งต่าง ๆ และก่อไฟได้
จินตนาการของทุกคนต่างเริ่มโลดแล่น
“ข้าขอยืมดาบของท่านหน่อย” เหยินปาเชียนพูดกับทหารยาม ทันใดนั้นทหารยามก็มีสีหน้าซีดเซียว ดาบเล่มนี้เป็นเครื่องมือทำเงินของเขา เขาเชื่ออย่างจริงจังว่าดาบของตนจะถูกทำลายหากเขามอบให้กับเหยินปาเชียน
“ข้าจะชดใช้ท่านทีหลัง” เหยินปาเชียนยิ้มแล้วพูดออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถใช้ดาบโลหะขนาดเล็กได้ แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะใช้ดาบเพราะมันจะมีผลกระทบมากกว่า
ทหารยามได้ยื่นดาบของตนไปให้เหยินปาเชียนด้วยสีหน้าบึ้งตึงทุกข์ใจ จากนั้นเหยินปาเชียนก็วางดาบลงบนจุดรวมแสง ไม่ถึง 10 วินาที ดาบก็เริ่มเกิดควัน จากนั้นจุดสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงกลางดาบ จุดสีแดงค่อย ๆ ขยายขนาดแล้วเหล็กที่ถูกหลอมก็เริ่มหยดลงบนพื้น ในที่สุดก็มีรูกลมปรากฏขึ้นบนดาบ
“โหหห !” ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
ภาพดาบที่หลอมละลายนั้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง มันมีผลกระทบมากกว่าการเผากิ่งไม้ซะอีก
เป็นที่รู้กันว่าต้องใช้เวลาในการหลอมแร่เหล็ก สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้สามารถเผาดาบให้เป็นรูได้ในเวลาอันสั้น สามารถบอกได้ว่ามันจัดการได้ลำบากเพียงใด
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้รับสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นขอรับฝ่าบาท ขอข้าน้อยทราบได้มั้ยว่าฝ่าบาททรงซื้อมาจากที่ใด” ฉีชิงถามทันที เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีจะไม่บอกให้ทุกคนมาที่นี่เพียงแค่มาชื่นชมสมบัติชิ้นนี้
“ฝ่าบาทกำลังเตรียมที่จะใช้บนเขาต้าหมัวใช่หรือไม่ขอรับ ?” ดวงตาของเฟิงโหวเบิกกว้างขึ้น ยังไงซะเขาก็ได้ไปที่เขาต้าหมัวกับเหยินปาเชียน นอกจากทุกคนในตอนนี้ เขาเป็นคนที่รู้สถานการณ์ดีที่สุด ด้วยสมบัติชิ้นนี้ กระบวนการสกัดเหล็กที่เขาต้าหมัวจะสามารถเร่งความเร็วได้อย่างเห็นผล
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงโหว ทุกคนต่างเชื่อว่าจักรพรรดินีต้องเรียกพวกเขาเพราะเรื่องนี้เป็นแน่แท้ ด้วยสมบัติชิ้นนี้ กระบวนการสกัดเหล็กที่เขาต้าหมัวจะสามารถเร่งความขึ้นได้อย่างแน่นอน
“ผู้รักษาการเหยิน อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังซิ” จักรพรรดินีพูดออกมา
เหยินปาเชียนสั่งให้ทหารยามวางจานกลมลง จากนั้นเขาก็หยิบเอากระจกสองแผ่นออกมาวางไว้บนฝ่ามือแล้วอธิบาย “อันที่จริงแล้ว มันก็เป็นแค่กระจกนั่นแหละ ทุกท่านน่าจะรู้กันว่ากระจกสามารถสะท้อนแสงได้ ในตอนนี้แสงประกอบด้วยพลังงาน ท่านสามารถสันนิษฐานได้ว่าแสงก่อให้เกิดความร้อน นี่คือเหตุผลที่ท่านรู้สึกร้อนมากกว่าตอนที่ท่านยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เมื่อเทียบกับการยืนอยู่ในบ้าน พอใช้ประโยชน์จากตรรกะนี้ พวกเราก็เลยใช้กระจกจำนวนมากและปรับมุมของมันแบบนี้ ลำแสงที่สะท้อนออกมาจะรวมแสงไปที่จุดหนึ่ง ซึ่งจะทำให้จุดนั้นสัมผัสกับความร้อนสูงที่สุด และนี่คือเหตุผลที่ดาบเหล็กละลายภายในไม่กี่วินาทีเมื่อครู่นี้”
“ท่านกำลังจะบอกว่าสมบัติชิ้นนี้สร้างขึ้นจากกระจกพวกนี้งั้นรึ ?” ทุกคนต่างเข้าล้อมเหยินปาเชียนแล้วมองดูกระจกสองแผ่นในมือของเขา กระจกเหล่านี้เหมือนกับกระจกบานใหญ่ที่เขาได้ถวายแด่พระองค์รึเปล่านะ ? ถึงแม้ว่ามันจะเล็ก แต่การสะท้อนก็ชัดเจนมาก มันมีคุณภาพดีทีเดียว
บางคนเดินเข้าไปใกล้เตาแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดลองของเหยินปาเชียน ก็ไม่มีใครกล้าเดินไปข้างหน้าเลย ถ้าหากว่ามันสามารถละลายดาบที่ทำจากเหล็กได้ภายใน 10 วินาที ก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดผลร้ายอะไรต่อร่างกายมนุษย์
“ใช่แล้ว มันทำมาจากกระจกทั้งหมด ข้าเรียกมันว่าเตาแสงอาทิตย์ มันใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์เพื่อผลิตความร้อนมหาศาลได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเราสามารถผลิตสิ่งเหล่านี้แล้ววางไว้ที่เขาต้าหมัว หลังจากที่ละลายภูเขาแล้ว พวกเราจะสามารถเริ่มสกัดเหล็กออกมาได้ พวกเราจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตเหล็กของเขาต้าหมัวได้อย่างง่ายดายถึง 100 เท่าภายในระยะเวลาอันสั้น”
“100 เท่า ! นี่ท่านกำลังพูดว่า 100 เท่าจริง ๆ รึ ?” เฟิงโหวจ้องมองที่เหยินปาเชียนอย่างงุนงงโดยที่ดวงตาเบิกกว้างขึ้น
การเดินทางไปที่เขาต้าหมัวของเหยินปาเชียนครั้งที่แล้วได้เพิ่มกำลังการผลิตเหล็กที่นั่นถึง 5 เท่าแล้ว ในตอนแรกต้าเย่าสามารถผลิตดาบได้เพียง 2,000 เล่มต่อปี เมื่อเพิ่มปริมาณการผลิตเหล็กของเขาต้าหมัวถึง 5 เท่าแล้ว ต้าเย่าก็สามารถผลิตดาบได้ 10,000 เล่มต่อปี
ด้วยเหตุนี้ มุมมองของเขาที่มีต่อเหยินปาเชียนจึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้เขาจึงอารมณ์ดีด้วยเช่นกัน
แต่ตอนนี้เหยินปาเชียนบอกว่าผลผลิตเหล็กสามารถเพิ่มขึ้นได้ 100 เท่าจริง ๆ เหรอเนี่ย ?
มันสมเหตุสมผลแล้วเหรอ ? นั่นอาจหมายถึงดาบ 5 แสนเล่มจะถูกผลิตในปีเดียว และในเวลา 2 ปีดาบ 1 ล้านเล่มจะถูกผลิต
ตัวเลขนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อทีเดียว