ตอนที่ 169: จี่เซียว
182 Viewsเหยินปาเชียนและจักรพรรดินีเดินเท้าเปล่าอยู่บนชายหาด พวกเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลของเม็ดทรายละเอียดใต้ฝ่าเท้า เสียงทะเลดังไพเราะเสนาะหูของพวกเขา คลื่นสีขาวพุ่งเข้าหาชายฝั่งมาแต่ไกล ซึ่งปะทะกับชายฝั่งและไหลกลับไปอย่างช้า ๆ
“เธอรู้สึกยังไงกับที่นี่บ้าง ?” เหยินปาเชียนไม่ได้ตะขิดตะขวงใจที่จะเรียกจักรพรรดินีด้วยชื่อของนางในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนตกลงที่จะเรียกชื่อกันและกัน เขารู้สึกว่าได้แยกจากจักรพรรดินีไปบ้างหากเขาเรียกนางว่าฉีจี่เซียว แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำใจเรียกนางว่าจี่เซียวได้เช่นกัน
ช่วงจะหมดวัน เขาเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่เคยออกเดทกับผู้หญิงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาค่อนข้างต่อต้านสังคมในช่วงที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าลักษณะนิสัยของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างน่าสังเกตุ แต่ทักษะทางสังคมของเขาก็ยังถูกจำกัดอยู่บ้าง
จักรพรรดินีหันกลับไปมองทะเลสีคราม จากนั้นนางก็มองดูเด็ก ๆ วิ่งผ่านตนและมองดูคนว่ายน้ำที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นนางจึงพูดออกมา “ที่นี่สงบสุขมาก สำหรับคนธรรมดาแล้ว ชีวิตแบบนี้น่ะดีมาก ๆ เลยนะ”
“จริงครับ” เหยินปาเชียนพยักหน้าแล้วตอบกลับไป น่าเสียดายที่คนที่อยู่ข้างเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดาเนี่ยสิ
“ทะเลน่ะเป็นแบบนี้เองเหรอ…เมื่อก่อนชั้นน่ะพยายามที่จะจินตนาการว่าทะเลหน้าตาเป็นยังไงอยู่หลายครั้ง แต่ชั้นก็จินตนาการไม่ออกเลย” จักรพรรดินีพูดต่อ
บนดาวโลก แม้แต่เด็กเล็กก็ยังสามารถเห็นลักษณะของทะเลผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้
แต่ทว่าในโลกนั้น ทะเลเป็นสิ่งที่แม้แต่จักรพรรดินีก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
แน่นอนว่าโลกใบนั้นก็มีข้อดีของตัวเองด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในโลกนั้นมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีวัตถุที่สามารถยืดอายุขัยได้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหาได้บนดาวโลก
โดยรวมแล้วดาวโลกจะเหมาะสำหรับคนทั่วไปที่จะมีชีวิตที่มั่นคง
“เธออยากลองดูมั้ย ?” เหยินปาเชียนถามออกมาพร้อมกับเดินไปที่ชายฝั่งและยืนให้คลื่นกระทบฝ่าเท้ากับน่อง
หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย จักรพรรดินีก็เดินไปที่ชายฝั่งไม่กี่ก้าว จากนั้นนางก็ก้มหน้าลงไปดูน้ำทะเลที่แช่เท้าของตนอยู่
“เธออยากถ่ายรูปมั้ย ?” เหยินปาเชียนมองจักรพรรดินีแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
จักรพรรดินีไม่ได้สนใจเขา เขาถ่ายรูปด้านข้างของนางไม่กี่รูปแล้วจึงเก็บโทรศัพท์มือถือ
พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะค่อย ๆ เดินกลับ
“เฮ้ย..ระวัง !” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากระยะไกล เหยินปาเชียนหันกลับไปและได้เห็นลูกบอลลอยมาทางตน ยิ่งไปกว่านั้นมันพุ่งตรงไปที่จักรพรรดินี
มีชายหนุ่มชาวต่างชาติ 6 คนสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอยู่ไม่ไกล ระหว่างพวกเขา มีตาข่าย มีอยู่บางคนที่ยิ้มออกมา เหยินปาเชียนสงสัยว่าพวกเขาทำไปโดยที่จงใจหรือไม่
เมื่อมองดูการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาทำโดยจงใจ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีเจตนาร้าย บางทีพวกเขาอาจแค่ต้องการดูหน้าจักรพรรดินีก็เป็นได้
ถ้าหากลูกบอลโดนเหยินปาเชียนหรือจักรพรรดินี พวกเขาสามารถวิ่งมาหาพวกตนแล้วกล่าวขอโทษ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถเริ่มการพูดคุยกับจักรพรรดินีได้ นี่คือลูกไม้ที่ใช้เข้าหาผู้หญิงของพวกเขา
ลูกไม้แบบนี้ไม่ได้หายากแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม คราวนี้อีกฝ่ายเลือกเป้าหมายพลาดซะแล้ว
จักรพรรดินียังคงนิ่งเฉย จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นตบลูกวอลเลย์บอลเบา ๆ ราวกับว่านางกำลังตบมันอย่างแรงด้วยความเร็วที่เร็วกว่าความเร็วที่พุ่งเข้ามา ลูกบอลพุ่งเข้าหากลุ่มชายหนุ่มราวกับขีปนาวุธ
“ตู้มมม !”
เมื่อมันเข้าหน้าชายหนุ่มชาวต่างชาติคนหนึ่งแล้ว ลูกวอลเลย์บอลก็ลอยขึ้นไปข้างบน ชายหนุ่มคนนั้นลอยไปข้างหลังและล้มลงหลังพร้อมกับคราบเลือดบนหน้าเขา
แม้จะอยู่ไกล เหยินปาเชียนก็สามารถรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเขา
ต้องยอมรับว่านายน่ะสมควรได้รับจริง ๆ
จักรพรรดินีไม่ได้มีเจตนาที่จะหยุดเลย เหยินปาเชียนจึงเร่งฝีเท้าตามหลังจักรพรรดินีไป
เขาไม่อาจมีปัญหากับชายหนุ่มชาวต่างชาติกลุ่มนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่ม 4 คนนั้นรีบวิ่งไปข้างหน้าเหยินปาเชียนกับจักรพรรดินีแล้วขวางทางพวกเขาไว้ ชายหนุ่มผมบลอนด์มีกล้ามเริ่มพูดภาษาจีนแบบไม่คล่อง “คุณทำเพื่อนผม คุณต้องขอโทษเค้านะ”
ชายหนุ่ม 4 คนนั้นตัวสูงกว่าเหยินปาเชียนและจักรพรรดินีอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนมองแต่จักรพรรดินี
เมื่อพวกเขาได้เห็นรูปลักษณ์ของนางแล้ว พวกเขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ของจักรพรรดินีได้ชะงักลมหายใจของพวกเขาไว้อย่างง่ายดาย
เหยินปาเชียนส่ายหน้าให้กับพวกเขาอย่างหมดหนทาง
นี่นายไม่เห็นที่นางตบลูกวอลเลย์บอลกลับไปหาพวกนายอย่างเบา ๆ นั่นเหรอ ? นายกล้าดียังไงถึงมาเผชิญหน้ากับพวกเราตอนนี้เนี่ย
นอกจากนี้นายคิดว่านางจะมีคำว่า “ขอโทษ” อยู่ในหัวของนางรึไง ?
“ไสหัวไป” จักรพรรดินีตะคอก นางไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาพูดแต่อย่างใด
“คุณเป็นคนปาลูกบอลข้ามมานะ” เหยินปาเชียนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดออกมา “อย่าบอกว่านะคุณถูกผู้หญิงทำร้ายอ่ะ ?”
กลุ่มชายหนุ่มมองหน้ากัน จากนั้นชายคนหนึ่งก็มองไปที่จักรพรรดินีแล้วยืนกราน “เมื่อกี้น่ะเป็นอุบัติเหตุ ส่วนคุณก็ยังต้องขอโทษเพื่อนของเราอยู่นะ”
จักรพรรดินีหันกลับไปมองเหยินปาเชียน การแสดงออกทางสีหน้าของนางดูเย็นชา แต่สายตาของนางกลับดูไม่มั่นใจ
ด้วยจิตใต้สำนึก เหยินปาเชียนรู้สึกว่าจักรพรรดินีไม่ได้จะถามเขาว่านางควรทำอะไรตอนนี้ แต่นางสามารถเอาพวกเขาให้ถึงตายได้หรือไม่
เขาไม่รู้ว่าทำไมตนถึงคิดอย่างนี้ แต่มันคือสิ่งที่เขารู้สึกโดยสังหรณ์ใจ
“…” เหยินปาเชียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป จักรพรรดินีก็ได้ตัดสินใจแล้ว ทันใดนั้นชายหนุ่มที่กำลังพูดอยู่ก็ลอยไปข้างหลังและชนเข้ากับเพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่เหยินปาเชียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่านางปะทะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูจากชุดที่กำลังปลิวของนางแล้ว เหยินปาเชียนเชื่อว่าจักรพรรดินีต้องเตะเขาอย่างแน่นอน
เหยินปาเชียนและจักรพรรดินียังคงอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนเตือนอยู่ข้างหลังเขาอยู่เลย ยังไงซะก็คงไม่มีใครเห็นสาวสวยที่โจมตีเพื่อนของพวกเขา พวกเขาไม่รู้ได้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อย่างใด
“จี่เซียว การไม่โจมตีผู้คนที่นี่จะดีกว่านะ เพราะว่าตัวตนของเธอน่ะพิเศษและไม่สามารถให้ใครรู้ได้ยังไงล่ะ” เหยินปาเชียนเอี้ยวตัวไปที่หูของจักรพรรดินีแล้วพูดทันที เมื่อได้ยินเหยินปาเชียนเรียกนางว่า “จี่เซียว” จักรพรรดินีก็หยุดชะงักทันที นางหันกลับมามองเขา
“มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกนั้นจะตายหรือไม่ สิ่งที่สำคัญคือถ้าเธอฆ่าพวกนั้น เธอจะดึงดูดความสนใจเข้าหาตัวเป็นอย่างมาก มันอันตรายสำหรับเธอมากนะ ต่อให้เธอไม่กลัว แต่มันก็จะสร้างปัญหามากมายให้พวกเรานะ” เหยินปาเชียนรู้สึกประหม่าด้วยเช่นกัน เขาสงสัยว่าจักรพรรดินีรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ตนเรียกนางว่า “จี่เซียว” ไปเพราะอารมณ์
จักรพรรดินีจ้องหน้าเขาด้วยสายตาอันเย็นชา หลังจากนั้นไม่นานนางก็หลบตาแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ หูของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
เมื่อเหยินปาเชียนเรียกนางว่า “จี่เซียว” จังหวะการเต้นของหัวใจของนางก็เร่งขึ้นอย่างลึกลับ ทำให้นางกระวนกระวายใจ
จู่ ๆ นางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี
ถึงแม้ว่านางจะได้เลือกเขาเป็นพระสวามีของตนแล้ว และนางก็ได้ยินเขาพูดคำนี้หลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางก็ยังคงรู้สึกกระวนกระวายอยู่
ส่วนคำอื่น ๆ ที่เหยินปาเชียนพูดออกมา นางก็ไม่ได้ยินอะไรเลย
ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้พูดอะไรไว้
มีเพียงแค่คำว่า “จี่เซียว” เท่านั้นที่ยังคงก้องอยู่ในหูของนาง
เหยินปาเชียนทำได้แค่ตามนางให้ทัน การที่เขาพูดคำนั้นเพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เมื่อดูแล้วจักรพรรดินีได้ฝึกการควบคุมตัวเองมากมายแล้วในโลกใบนี้
ในความเป็นจริงแล้ว เขาจะพูดคำนั้นเพราะชายหนุ่มพวกนั้นไม่ได้อันตรายจริง ๆ
ถ้าหากคนพวกนั้นอันตรายจริง ๆ เหยินปาเชียนจะไม่ผ่อนปรนแบบนั้นเพื่อไม่ให้จักรพรรดินีปกป้องพวกเขา ยังไงซะเขาก็มีสองชีวิตอยู่ในมือ คือตัวเขาเองและจักรพรรดินี
เขาไม่ต้องการให้จักรพรรดินีเปิดเผยตัวตนที่พิเศษ
เขาสนุกกับชีวิตที่สุขสบายและไร้กังวลกับจักรพรรดินีบนดาวโลกอย่างมาก และเขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวน