ตอนที่ 166: ผมคือพลเมืองดี
188 Viewsณ ดาวโลก
อพาร์ตเมนต์ที่เหยินปาเชียนเช่ามาตลอดแต่เดิมนั้นว่างเปล่า ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ร่างเงาทั้งสองก็ปรากฎขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ถ้าหากมีใครบางคนเห็นเหตุการณ์นี้เข้า มันอาจทำให้ช็อกจนหมดสติได้เลยทีเดียว
ทั้งสองคนได้เคลื่อนย้ายไปจากตรงห้องโถงพระราชวัง แล้วที่นั่นก็มืดสนิท มีเพียงลำแสงที่ส่องออกมาจากข้างนอก และทันใดนั้นเอง เหยินปาเชียนก็รับรู้ว่ามันดึกมากแล้ว เมื่อเขารู้สึกว่ามือที่จับข้อมือของเขาไว้ได้คลายออกแล้ว เขาจึงหันกลับไปเปิดไฟ
ในพริบตาเดียว อพาร์ตเมนต์ของเขาก็สว่างขึ้นทันที เหยินปาเชียนรู้สึกว่ามันค่อนข้างเจิดจ้าทีเดียว
ในตอนนี้ จักรพรรดินีสวมชุดสีแดงชุดเดียวกับที่นางสวมเมื่อครั้งที่นางกลับไปยังอีกโลกก่อนหน้านี้ นางยังคงสวมรองเท้าส้นเตี้ยสีดำ ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกเป็นคนยุคใหม่ขึ้นมา
มีเพียงแค่ผมของนางมัดมวยไว้พร้อมกับปิ่นปักผมสีทองเท่านั้นที่ค่อนข้างไม่เข้ากับชุดที่นางสวมอยู่ในตอนนี้
ดูเหมือนจักรพรรดินีจะตระหนักถึงปัญหาข้อนี้ จึงได้ดึงปิ่นปักผมออกแล้วปล่อยผมลงมาอย่างพริ้วไหว
เหยินปาเชียนมองดูนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เป็นเวลาตี 1 20 นาทีแล้ว
ในขณะนี้ เพิ่งจะเป็นเวลาแค่ประมาณ 2 ทุ่มเท่านั้นในต้าเย่า
พวกเขาทั้งสองคนยังจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างด้านเวลา
“3 วันที่นี่เทียบเท่ากับ 1 วันในต้าเย่าสินะ” จักรพรรดินีส่งสายตาหาเหยินปาเชียนแล้วถามยืนยัน นางได้ตระหนักถึงประเด็นนี้แล้วเมื่อคราวก่อน เพราะหลังจากที่อยู่บนดาวโลก 2 วันครึ่ง เวลาผ่านไปเพียง 20 ชั่วโมงเท่านั้นในต้าเย่า
เหยินปาเชียนพยักหน้า
“ถ้าคิดจะฝึกตนที่นี่ล่ะก็เข้าท่าเลยล่ะ ถึงยังไงก็เถอะ ดาวโลกเนี่ยมันโสโครกเกินไปนะ” จักรพรรดินีพูดออกมาหลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้
จมูกของนางรู้สึกระคายเคืองเมื่อคราวที่แล้วที่นางอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายวัน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของนาง ไม่ว่าใครก็ตามที่มายังสภาพแวดล้อมเช่นนี้โดยกะทันหัน จะต้องเป็นโรคจมูกอักเสบอย่างแน่นอน
เหยินปาเชียนผายมือออกแล้วพูด “มันเป็นกระบวนการในการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขอรับ พวกเราน่ะได้อย่างนึงเสียอย่างนึง บางทีในเวลาไม่กี่ปี โลกใบนี้อาจจะกลับสู่สภาพเดิมก็เป็นได้ขอรับ”
มันอาจจะเป็นไปได้ทั้งดีกว่าหรือไม่ก็แย่กว่า ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านเทคโนโลยีก็คือ ความเข้าใจของผู้คนที่มีต่อสภาพแวดล้อมก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เหยินปาเชียนมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าอนาคตจะเป็นที่ที่ดีขึ้นมากกว่า
“ฝ่าบาท พักผ่อนเสียเถิด พรุ่งนี้ข้าน้อยจะพาฝ่าบาทไปข้างนอกนะขอรับ” เหยินปาเชียนพูดออกมา
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เหยินปาเชียนจะลุกขึ้นตื่น จักรพรรดินีก็นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับขดขาไว้ในขณะที่กำลังดูข่าว
เรื่องความตระหนักรู้ถึงโลกใบนี้ นอกจากสิ่งที่เหยินปาเชียนได้แนะนำไปแล้ว อีกช่องทางที่นางได้รับข้อมูลก็มาจากข่าวนั่นเอง
เหยินปาเชียนเอนตัวพิงกำแพงแล้วมองไปยังจักรพรรดินีที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ในหัวใจของเขามีความรู้สึกแปลกประหลาดด้วยเช่นกัน
มันคือความรู้สึกของการมีรักแรกที่เข้ามาช้า
ถึงแม้ว่าเขาจะเกรงกลัวจักรพรรดินีเป็นอย่างมากในตอนแรก และรู้สึกถึงกลิ่นอายอันสง่างามและเยือกเย็นของจักรพรรดินี แต่ทุกวันนี้ ความรู้สึกดังกล่าวก็เริ่มจางหายไป เขาจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้พบจักรพรรดินี
ผู้ชายทุกคนคงจะไม่ปฏิเสธผู้หญิงที่ไม่เพียงแต่เลือกตนเป็นสามีเท่านั้น แต่ยังดึงเอาความเฉลียวฉลาดของนางกลับคืนมาด้วย
“ข้าหิว” จักรพรรดินีมองกลับไปที่สายตาของเหยินปาเชียน
“ขอรับ” เหยินปาเชียนยิ้มแฉ่ง เขาหันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า
เหยินปาเชียนทำโจ๊กก่อนไปทอดไข่ เขามีแค่ส่วนผสมเหล่านี้ที่บ้าน ในตอนนี้ ผักที่เขาซื้อไว้เมื่อจักรพรรดินีมาที่นี่ครั้งล่าสุดได้เหี่ยวเน่าไปแล้ว
“ไฟไหม้” เสียงอันเยือกเย็นของจักรพรรดินีดังผ่านมา เหยินปาเชียนหันกลับไปมองดูทั่วทุกหนแห่งในทันที แต่กลับไม่มีอะไรไหม้แต่อย่างใด
“ชั้นล่าง” จักรพรรดินีพูดอีกครั้ง จากนั้นเหยินปาเชียนจึงวิ่งออกไปจากห้องครัว เป็นไปตามที่คาดไว้ ควันได้ลอยขึ้นมาจากชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์แล้ว
เหยินปาเชียนไม่แน่ใจว่ามีใครอยู่ชั้นล่าง เขารีบวิ่งขึ้นไปแล้วโทรไปที่สถานีดับเพลิง ในขณะเดียวกัน เขาได้พาดลำตัวส่วนบนไว้ที่หน้าต่างแล้วมองลงไป เป็นห้องด้านล่างห้องของเขา อยู่ในชั้นที่ 6
แถมเหยินปาเชียนยังเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเอนตัวออกไปนอกหน้าต่างด้วย เธอคนนั้นเป็นผู้หญิง
“ผมโทรแจ้งสถานีดับเพลิงให้แล้วนะ” เหยินปาเชียนตะโกนออกมา
“ช่วยด้วยค่ะ หนูเปิดประตูวิ่งออกไปไม่ได้ ช่วยส่งเชือกมาให้หนูหน่อยนะคะ” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นล่างเงยหน้าขึ้นมองและได้ขอร้องเขาอย่างจริงจัง
จากเสียงของเธอ ฟังดูแล้วก็ไม่ได้แก่ แต่เขาไม่สามารถบอกได้จากรูปร่างหน้าตาของเธอ เนื่องจากเขม่าควันทำให้ใบหน้าของเธอดำหมองไปหมดแล้ว
เหยินปาเชียนหันหน้าไปดู เขาจะมีเชือกไว้ทำไมในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
“ฝ่าบาท ช่วยข้าน้อยได้มั้ยขอรับ ?” เหยินปาเชียนหันไปถามถามจักรพรรดินี
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเพื่อนบ้านชั้นล่าง แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงต้องเผชิญกับกองไฟขนาดใหญ่เพียงลำพัง มันเป็นความพยายามเพียงน้อยนิดที่เขาต้องการทำ ถ้าหากเขาสามารถช่วยชีวิตคนได้ เขาก็จะช่วยอย่างแน่นอน ยังไงซะเขาก็คือพลเมืองดีคนหนึ่ง
อารมณ์ของจักรพรรดินีถูกกระตุ้น คนที่อยู่ชั้นล่างไม่ใช่ชนเผ่า นอกจากนี้นางยังได้ยินเสียง ซึ่งเป็นเสียงของผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหยินปาเชียนร้องขอ นางจึงพยักหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ข้าน้อยจะต้องรบกวนฝ่าบาทได้โปรดพังประตูให้หน่อยขอรับ” เหยินปาเชียนแสดงความขอบคุณ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปที่ทางเดินแล้วเปิดตู้ดับเพลิงเพื่อหยิบถังดับเพลิงออกมา หลังจากนั้นเขาจึงวิ่งไปที่ชั้นที่ 6
จักรพรรดินีติดตามเขาอย่างใกล้ชิด
ในขณะนี้ มีใครบางคนอยู่ชั้นที่ 6 ไม่รู้ว่าบุคคลนี้มาจากข้างห้องหรือชั้นล่าง ชายวัยกลางคนกำลังใช้ค้อนทุบกลอนประตู
“ขออนุญาตินะครับ” เมื่อได้เห็นสถานการณ์ เขาจึงวางถังดับเพลิงไว้ด้านข้าง ในตอนแรกเขาคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดินีในการพังประตูให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยการฟาด แต่ในตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถจัดการปัญหาด้วยวิธีนี้ได้
โชคดีที่เขาสามารถใช้กำลังได้ประมาณ 700 นิวตัน เขาจึงรู้สึกว่าตนน่าจะแข็งแกร่งกว่าชายวัยกลางคนคนนั้นเล็กน้อย เขาคว้าค้อนมาจากชายวัยกลางคน หลังจากที่ฟาดกระหน่ำไป 2 ครั้ง เขาก็ทุบลูกบิดที่ค่อนข้างโทรมจนแตกแล้ว แต่หลังจากที่ทุบไป ประตูก็ยังเปิดไม่ได้ เขาทำได้แค่ทุบลูกบิดเพียงเท่านี้
“มีคนอยู่ข้างใน มีเชือกมั้ยครับ ผมจะสอดเชือกเข้าไปเพื่อให้เค้าปีนออก” เหยินปาเชียนบอกกับชายวัยกลางคน
“ผมมีเชือก” หลังจากที่ค้อนถูกเหยินปาเชียนคว้าไปและได้หันไปมองจักรพรรดินีในชุดสีแดง ชายวัยกลางคนก็ไม่สามารถละสายตาจากนางได้เลย
จนกระทั่งสีหน้าของจักรพรรดินีเริ่มเย็นชามากจนชายวัยกลางคนตัวสั่น เขาไม่รู้ว่าเหตุใดความรู้สึกกลัวถึงเริ่มเกิดขึ้นในใจของเขา และได้เบนสายตาออกไปโดยไม่รู้ตัว
ในขณะนี้เขาได้ยินสิ่งที่เหยินปาเชียนพูดและตอบรับทันที จากนั้นเขาจึงรีบวิ่งลงชั้นล่างไปเอาเชือก
หลังจากที่เขาไปแล้ว ฝ่ามือสีขาวเนียนได้ฟาดไปที่ตำแหน่งกลอนประตู ได้ยินเสียงดัง “ปัง” และโซ่พร้อมกับเหล็กโดยรอบก็แหว่งไปในทันที หลังจากนั้นไม่นาน ส่วนประกอบของกลอนก็ลอยเข้าไปในบ้าน
หลังจากที่ฟาดไป จักรพรรดินีก็หันหลังเดินออกไป เหยินปาเชียนยังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปแตะแล้วดึงประตูให้เปิดออก ควันหนาทึบและเปลวไฟพุ่งออกมาโดยตรง ตู้เก็บรองเท้าตรงประตูทางเข้าก็ถูกไฟไหม้เช่นกัน
เหยินปาเชียนไม่อาจสนใจสิ่งของเล็กน้อยได้และใช้ถังดับเพลิงดับไฟทันที
ชายวัยกลางคนคนนั้นกลับมาพร้อมกับเชือกในมือ เขารับรู้ว่าประตูเปิดออกแล้ว เขาตกตะลึงไปชั่วขณะแต่ก็รีบหยิบถังดับเพลิงที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมาทันทีและเริ่มช่วยเหลือในความพยายามของเหยินปาเชียน
เมื่อใช้ถังดับเพลิงทั้งสองถังหมดแล้ว เปลวไฟในห้องนั่งเล่นก็ถูกดับ มีเพียงครัวที่ยังคงติดไฟอยู่ เด็กผู้หญิงวิ่งออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเขม่า หลังจากนั้นเธอก็คุกเข่าบนพื้นแล้วอ้าปากหายใจเอาอากาศเข้าไป
“ฮือออออออ ! คิดว่ากำลังจะตายแล้วเมื่อกี้น่ะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง ในขณะนี้เหยินปาเชียนได้ยินเสียงเธอและกำลังดูหน้าเธออยู่ เขาคิดว่าเธออายุเพียง 17-18 ปีเท่านั้น
“โชคดีจังเลยนะที่ปลอดภัย นักดับเพลิงจะมาที่นี่ทันที” เหยินปาเชียนพูดอย่างเรียบง่าย เนื่องจากเธอปลอดภัยแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป
เมื่อเหยินปาเชียนกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา จักรพรรดินีก็นั่งอยู่บนโซฟาแล้ว นางเหลือบมองเขาเพียงแวบเดียวในตอนที่เขากลับมา
เหยินปาเชียนมองดูโจ๊ก โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน
เขาเข้าไปในห้องน้ำแล้วมองดูกระจก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเขม่า เป็นเส้นสีดำและสีขาวสลับกัน
ในตอนที่เขาอาบน้ำล้างตัวและเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเสร็จ นักดับเพลิงก็มาถึงแล้ว
เหยินปาเชียนและจักรพรรดินีกำลังรับประทานอาหารเช้ากันเงียบ ๆ ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งรวมกันอยู่ตรงชั้นล่างหลังจากที่ไฟถูกดับ พวกเขากำลังถกเถียงกันว่าประตูบ้านเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ตำแหน่งเดิมของลูกบิดถูกทุบเข้าไปด้านในทั้งหมดและประตูบ้านส่วนใหญ่ก็ถูกทำให้โค้งงอ
ถึงแม้ค้อนสองหน้าถูกนำมาใช้กับประตูแบบนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทุบมันจนกว่าจะเป็นสภาพนี้ ไม่ต้องพูดถึงการนำค้อนธรรมดามือเดียวมาใช้เลย
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เหยินปาเชียนก็จัดชามและตะเกียบให้เป็นระเบียบ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรออก บัดนี้จักรพรรดินีจำเป็นต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน มิฉะนั้นแล้วมันจะกลายเป็นปัญหาติดตัวไปตลอด
“ผมต้องการซื้อบัตรประจำตัวประชาชน บัตรของจริง ผมไม่เอาของปลอมนะครับ” เหยินปาเชียนเริ่มพูดเมื่อสายติด
“พวกเราไม่ได้รับงานแบบนั้นนะครับ” ปลายสายคือที่ที่เหยินปาเชียนซื้อปืนมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เหยินปาเชียนไม่ต้องการรบกวนเฉินชิ่งอีกแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายสามารถจัดตั้งธุรกิจอาวุธปืนในประเทศโดยเฉพาะได้ เส้นสายของเขาน่าจะกว้างพอสมควร การทำบัตรประจำตัวประชาชนไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหยินปาเชียนไม่มีเส้นสายสังคมที่เหมาะสม เขามีเงินแต่ไม่รู้ว่าควรจะนำเงินไปให้ใคร นอกจากนี้เขายังไม่มีเวลาไปติดสินบนคนเหล่านี้ด้วย
“20,000 หยวนนะ คุณแค่ต้องบอกมาว่าผมควรไปหาใคร หลังจากนั้นก็ให้บอกเค้าคนนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน”
อีกฝ่ายยังคงเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ตกลง”
เพื่อที่จะทำบัตรประจำตัวประชาชนของจริง เขาจะต้องจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ อย่างเช่น ชื่อและรูปถ่ายของจักรพรรดินี ถึงแม้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด เหยินปาเชียนก็ยังไม่สามารถไว้ใจพวกเขาได้และกลัวที่จะมีปัญหาในภายหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้คนจะต้องระมัดระวังอย่างมากตามลักษณะของธุรกิจ
อีกฝ่ายจะต้องหาคนที่อยู่ในระบบของประเทศ ตราบใดที่พวกเขาทำตามขั้นตอนในการจดทะเบียนผู้พักอาศัยที่ไม่ได้จดทะเบียน และสร้างบัตรประจำตัวประชาชนตามกฎหมายให้กับจักรพรรดินีได้ล่ะก็ มันจะช่วยพวกเขาจากปัญหาต่าง ๆ มากมายได้ในอนาคต