ตอนที่ 165: ดอกไม้สีขาวแสนวิเศษ
219 Views“ระดับตัวอ่อนดินอยู่ได้ 100 ปี ระดับกงจักรเทพเจ้าอยู่ได้ 150 ปี จำนวนปีเหล่านี้เป็นการประมาณคร่าว ๆ มีบางคนที่บรรลุถึงระดับกงจักรเทพเจ้าก็สามารถมีชีวิตอยู่ถึง 160 ปีได้ด้วยนะ” จักรพรรดินีพูดอย่างเรียบง่าย
จากนั้นนางก็มองเหยินปาเชียนแล้วถามเขา “เจ้ากังวลรึไง ?”
“ข้าน้อยกังวลว่าตัวข้าจะไม่สามารถอยู่เคียงข้างฝ่าบาทไปได้ยาวนานนักน่ะขอรับ” เหยินปาเชียนยิ้มแล้วตอบกลับไป
จักรพรรดินีถึงกับเงียบไป หลังจากนั้นสักพักนางก็ตอบกลับมา “ข้าไม่ได้มั่นใจเกี่ยวกับ [การมโนภาพหยูอี้] นักหรอกนะ แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะแตกต่างจากทักษะการต่อสู้ของต้าเย่าธรรมดาทั่วไปมากนักหรอก สิ่งต่าง ๆ จะชัดเจนขึ้นก็ต่อเมื่อเจ้าบรรลุถึงระดับตัวอ่อนดินและควบคุมร่างกายได้อย่างเต็มที่ ถึงยังไงก็เถอะ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ถึงแม้ว่าจะมีศิลปวัตถุไม่มากนักที่สามารถยืดอายุขัยได้ในโลกนี้ แต่มันก็ยังพอหาได้ล่ะนะ”
“แต่ทุกคนในราชสำนักดูเหมือนยังหนุ่มยังสาวกันอยู่เลยนะขอรับ” เหยินปาเชียนพูดต่อ
ความจริงข้อนี้ทำให้เหยินปาเชียนสับสน หากบุคคลที่บรรลุขั้นสวรรค์ลิขิตสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 140 ปี ก็น่าจะมีข้าราชการที่เกิดในปีที่ก่อตั้งต้าเย่าอยู่ในราชสำนักในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าราชการส่วนใหญ่ที่เขาพบเห็นอายุน้อยกว่า 50 ปีกันทั้งนั้น มีผู้อาวุโสอย่างผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสรองอยู่น้อยมาก คนเหล่านั้นน่าจะมีอายุน้อยกว่า 80 ปี
“พวกเค้าจากไปเมื่อ 50 ปีก่อน ทั้งจักรพรรดิองค์แรกของต้าเย่า ข้าราชการและนักรบทั้งหลายที่ต่อสู้ในช่วงปีที่ก่อตั้งต้าเย่าน่ะ” จักรพรรดินีอธิบาย
“พวกเค้าไปที่ไหนกันขอรับ ?” เหยินปาเชียนถามออกมา
“ข้าไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ข้าเดาว่าพวกเค้าคงจะไปที่ภูเขาหกหมื่นกระมัง ถ้าหากว่าข้าสามารถบรรลุขั้นสวรรค์ขวัญยืนได้ล่ะก็ ข้าคงสามารถค้นหาได้ว่าพวกเค้าไปที่ไหนกัน” จักรพรรดินีพูดต่อ
“ห้ะ…ขั้นสวรรค์ขวัญยืน…” เหยินปาเชียนคิดกับตัวเอง ขั้นสวรรค์ขวัญยืนทำให้ผู้ที่บรรลุสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 300 ปี ซึ่งจะมีอายุ 900 ปีบนดาวโลก
เขาไม่รู้ว่าตนจะมีชีวิตอยู่ได้นานสักแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น นั่นก็เพราะเขาเดินทางไปมาระหว่างสองโลก หากเขาใช้เวลาที่นี่ 6 วัน บนดาวโลกจะผ่านไป 12 วัน หากเขาใช้เวลาที่นี่ 10 ปี บนดาวโลกจะผ่านไป 20 ปี เมื่อถึงตอนนั้น เทคโนโลยีบนดาวโลกจะก้าวหน้ามากขึ้น อาจจะมีเทคโนโลยีบางอย่างที่สามารถยืดอายุขัยก็เป็นได้
หากเขาใช้เวลาที่นี่อีก 30 ปี บนดาวโลกจะผ่านไป 60 ปี เมื่อถึงตอนนั้น ระดับเทคโนโลยีบนดาวโลกจะสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อวันนั้นมาถึง เขาอาจจะสามารถยืดอายุขัยของตัวเองไปได้หลายร้อยปี หรือไม่ก็ทำการโคลนร่างกายของตัวเอง
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้มากนัก สิ่งที่เขาต้องก็ทำคือฝึกฝนให้หนักและเอาชีวิตให้รอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตอนที่เขาอายุ 43 ปี ว่านเหนียนจะมีอายุ 60 ปีบนดาวโลก
พ่อแม่ของเขาจะมีอายุประมาณ 90 ปี
เขารู้สึกสงสารพวกเขา เขาหวังว่าเทคโนโลยีบนดาวโลกจะสามารถพัฒนาได้เร็วกว่านี้
“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับสิ่งนี้บนเขาลิ่วซุ่ยขอรับ ข้าน้อยมิได้ใช้ประโยชน์ เพราะงั้นข้าน้อยจึงตัดสินใจเอากลับมามอบแด่ฝ่าบาทขอรับ” เหยินปาเชียนหยิบถุงใบเล็กออกมาแล้วยื่นให้กับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีมองดูด้วยความตื่นเต้น นางเปิดออกมาและพบดอกไม้สีขาวที่เหี่ยวเฉาเล็กน้อย
ข้างใต้ดอกไม้ มีเม็ดทรายหลากสี
“ดอกไม้ดอกนี้บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นประกายในตอนที่ข้าน้อยเห็นในวันนั้น แม้มันจะเติบโตขึ้นบนภูเขา มันก็ยังคงดูพิเศษเลิศเลอ เพราะงั้นข้าน้อยจึงรู้สึกว่ามันเหมาะกับฝ่าบาทมาก น่าเสียดายที่มันค่อนข้างเหี่ยวเมื่อผ่านไปหลายวันขอรับ” เหยินปาเชียนพูดด้วยความเสียดายเล็กน้อย
มุมปากของจักรพรรดินีขยับขึ้นเล็กน้อย นางหยิบดอกไม้สีขาวออกมาจากกระเป๋า นางเอามาไว้ตรงหน้าแล้วดมกลิ่น จากนั้นนางก็เหลือบมองเหยินปาเชียนแล้วพูดโดยอมยิ้ม “ข้ามีดอกยวี่หลานนี่ในสวนหลวงของข้า”
เหยินปาเชียนพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ “จากเสน่ห์ของดอกไม้นี้ที่หาเปรียบมิได้ ข้าน้อยยังคงคิดว่ามันเป็นเจ้าแห่งดอกไม้ทั้งมวล และมันต้องเป็นของหายากยิ่งขอรับ”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ดอกไม้สีขาวโบกสะบัดท่ามกลางสายลมข้างหน้าเขาเพียง 10 เมตร
จักรพรรดินีไม่สนใจลูกไม้ของเหยินปาเชียน นางเล่นกับดอกไม้อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะใส่กลับเข้าไปในถุง
“เจ้าน่ะโชคดีมากเลยนะที่ได้พบผลึกเมฆา” จักรพรรดินีพูดออกมา
“มันหล่นลงมาจากท้องฟ้าขอรับ” เหยินปาเชียนยิ้มแล้วตอบกลับไป จากนั้นเขาก็เล่าให้จักรพรรดินีฟังเกี่ยวกับการที่เหยี่ยวบุปผาต้องการที่จะคว้าตัวเขา และการที่ได้พบผลึกเมฆาหลังจากที่เถิงจี้ผ่าร่างเหยี่ยวบุปผาเปิดออกมา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกนางว่าตนเปียกโชกไปด้วยเลือดและอวัยวะภายใน เพราะมันน่าขยะแขยงเกินบรรยาย
“เจ้าต้องฝึกตนให้หนักเข้าไว้ ไม่งั้นล่ะก็ เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา” จักรพรรดินีพูดออกมา
เหยินปาเชียนพยักหน้า เขาก็รู้ว่าเขาควรทำอะไร เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งอย่างคนที่หนัก 73 กิโลกรัม เขาซึมซับฤทธิ์ของการอาบยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“กลับไปฝึกตนซะก่อน ถ้าไม่ใช่เพื่อการเดินทางรอบนี้ล่ะก็ เจ้าจะได้อาบยารอบที่สาม” จักรพรรดินีพูดออกมา “มากินข้าวเย็นกับข้าที่พระราชวังหย่างซินหลังจากที่เจ้าฝึกตนเสร็จนะ”
“ข้าน้อยกราบถวายบังคมลาขอรับ” เหยินปาเชียนยืนขึ้นโค้งคำนับ และออกจากพระราชวังไป ต่อมาเขาต้องการที่จะอาบยาและเก็บระเบิด TNT ทั้งหมดให้เข้าที่
ตอนแรกเขาได้เตรียมที่จะใช้ระเบิด TNT ในเหมือง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่ได้ใช้มัน เขาจึงเอากลับมา
ถ้าหากระเบิด TNT 40 กิโลกรัมสัมผัสเข้ากับไฟโดยบังเอิญ มันจะระเบิดสวนสัตว์ผิงเล่อและที่อยู่อาศัยโดยรอบจนราบเป็นหน้ากลองทีเดียว
มีห้องอยู่สามห้องในสวนสัตว์ผิงเล่อ โดยปกติแล้ว จะมีสองห้องไว้ให้หญิงรับใช้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหยินปาเชียนไม่มีหญิงรับใช้ สองห้องนั้นจึงว่างเปล่า
ข้าวของสัมภาระของเขาถูกส่งไปที่ห้องของเขา เขานำระเบิด TNT ไปยังห้องถัดไปแล้วหาที่เก็บ จากนั้นเขาก็บอกให้ใครสักคนจัดเตรียมยามาให้เขาอาบ
หลังจากช่วงเวลาการฝึกตนในการอาบยาของเขาสิ้นสุดลงแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงเหนื่อยอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีกว่าในช่วงก่อนหน้านี้มาก อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยจนต้องไปนอนบนเตียงแล้วสลบไปทันที
เมื่อมองดูท้องฟ้า เหยินปาเชียนนั่งบนเก้าอี้แล้วงีบหลับไป เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็รู้ได้ว่าท้องฟ้ากำลังมืดลง เขารีบวิ่งไปยังพระราชวังหย่างซินเพื่อไปพบจักรพรรดินี
จักรพรรดินีกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ ไม่ไกลจากเก้าอี้ไม้ มีโต๊ะที่มีหม้อไฟ เนื้อสไลด์ และผักอยู่บนนั้น
“ขอประทานอภัยที่มาช้าขอรับฝ่าบาท” เหยินปาเชียนกล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไร” จักรพรรดินีโบกมือแล้วตอบกลับไป
จากนั้นเหยินปาเชียนก็นำส่วนผสมพื้นฐานใส่ลงไปในหม้อไฟแล้วใส่ฟืนเพิ่มลงไปในกองไฟ
เมื่อผ่านไปครึ่งมื้อ ในตอนที่เหยินปาเชียนมองดูจักรพรรดินีกินอย่างเงียบ ๆ โดยที่ศีรษะก้มลง เขาก็นึกถึงวันที่จักรพรรดินีกำลังนั่งดูข่าวอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่เขากำลังทำอาหารเช้า หัวใจของเขาสั่นไหวในขณะที่เขาพูดออกมา “ฝ่าบาทประสงค์ที่จะเสด็จไปเยือนดาวโลกกับข้าน้อยอีกมั้ยขอรับ ?”
คราวนี้แตกต่างไปจากคราวที่แล้ว คราวที่แล้ว เขาพาจักรพรรดินีไปยังดาวโลกโดยบังเอิญ ในคราวนี้ เขาจึงเริ่มเชื้อเชิญนางบ้าง
มันแตกต่างจากคราวนี้เป็นอย่างมาก
มันยังแสดงให้เห็นว่าเหยินปาเชียนไม่มีเจตนาปิดซ่อนอะไรอีกแล้ว
อันที่จริง เขาไม่มีความจำเป็นต้องปิดซ่อนอะไรเลยในตอนนี้ต่างหาก
จุดประสงค์ในการปิดซ่อนสิ่งต่าง ๆ คืออะไร ในเมื่อองค์จักรพรรดินีก็เคยไปที่ดาวโลกมาก่อนหน้านี้แล้วหนิ ?
เมื่อจักรพรรดินีได้ยินคำพูดของเหยินปาเชียน นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพยักหน้า
ถึงแม้ว่าภายนอกนางจะดูสงบนิ่ง แต่ลึก ๆ นางก็รู้สึกดีอกดีใจ และด้วยเหตุนี้เอง นางจึงดูสงบยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว จักรพรรดินีก็เรียกตัวซินเจ๋อมาแล้วพูดกับหล่อน “ข้าจะไปข้างนอกวันนึงนะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ถ้าใครต้องการมาพบข้า ให้บอกไปว่าข้าอยู่ระหว่างการฝึกตน และข้าก็จะไม่พบใครทั้งนั้น”
“ฝ่าบาท ขอข้าน้อยติดตามไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ซินเจ๋อพูดอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดว่ามีใครในโลกนี้ที่สามารถทำอะไรข้าได้รึ ?” จักรพรรดินีโบกมือไล่ซินเจ๋อ
ถึงแม้ว่าซินเจ๋อจะไม่เต็มใจให้จักรพรรดินีออกไปไหนตามลำพัง แต่หล่อนก็ไม่สามารถขัดขืนนางได้ และสิ่งที่หล่อนทำได้คือออกจากห้องโถงพระราชวังไป